วันเสาร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เครือข่ายหน่วยบริการปฐมภูมิ
ชื่อ  โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายาง  ตำบลท่างิ้ว
ที่ตั้ง   เลขที่  ๒๕2  หมู่ที่ 4  บ้านป่ายาง  ตำบลท่างิ้ว   อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ปีที่ก่อตั้ง พ.ศ. ๒๕๔๐ โทรศัพท์  0๘๑-๒๗๒-๗๓๓๑ E-Mail  sombat20072007@hotmail.com  
จำนวนประชากรที่รับผิดชอบ ๓,๗๗๒  คน
สัดส่วนประชากรต่อบุคลากรแต่ละสาขา  เจ้าหน้าที่สาธารณสุข  1: ๑,๒๕๗ คน

    ๑.1 เครือข่ายบริการ/เจ้าของ/ต้นสังกัด
          เครือข่ายบริการสุขภาพโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช

     ๑.2 ลักษณะบริการ 
          ให้บริการงานส่งเสริมสุขภาพ  รักษาพยาบาล  ควบคุมป้องกันโรค   และฟื้นฟูสมรรถภาพ 

      ๑.3  ผู้บริหารชื่อ  นายสมบัติ   กำจรฤทธิ์   ตำแหน่ง  ผู้อำนวยการ รพ.สต.บ้านป่ายาง  
       เบอร์โทรศัพท์  ๐๘๑-๒๗๒-๗๓๓๑
       ประวัติความเป็นมาของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายาง หมู่๔ ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
          โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายาง หมู่ ๔ ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช สร้างบนที่ดินสาธารณะประโยชน์ ซึ่งดูแลโดยสำนักพุทธศาสนา กรมศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ จากคำบอกเล่าของสมาชิกชมรมผู้สูงอายุสถานีอนามัยบ้านป่ายางท่านหนึ่งคือ ลุงเทียบ  นนทเภท ซึ่งมาใช้บริการเป็นประจำเล่าให้ฟังว่า เดิมที่ดินแปลงนี้วางเปล่า มีเนื้อที่อันกว้างใหญ่ไพศาล ประมาณ ๓๐ ไร่เศษชาวบ้านเรียกชื่อว่าสระบัว เพราะมีดอกบัวงอกงามอยู่ในสระเป็นจำนวนมาก ในสมัยโบราณที่แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของวัดสระบัว ต่อมาเป็นวัดร้าง ประกอบกับเป็นที่ลุ่ม น้ำท่วมสูงทุกปี จึงกลายเป็นป่าสาคูขนาดใหญ่ มีปลาชุกชุมมาก เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดหลายชนิด ต่อมากำนันชิน นาคนาศักดิ์ได้ของบประมาณ จากสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบทมาขุดลอกเอาป่าสาคูออก วัตถุประสงค์เพื่อเป็นที่เก็บน้ำไว้ใช้ทำนา ปลูกผัก ในฤดูแล้ง และช่วยระบายน้ำในหน้าฝน  ได้นำดินส่วนหนึ่งถมที่ด้านทิศตะวันออกของสระเป็นลานกว้าง ที่แห่งนี้เดิมดูแลโดยวัดป่ายาง พระเคลือบ  โดสะโล  รักษาการเจ้าอาวาสวัดป่ายางขณะนั้นเป็นผู้อนุญาตให้ใช้ที่ดินก่อสร้างหรือใช้ประโยชน์ได้  
                   ในปี พ.ศ.๒๕๓๘ นายวีระยุทธ อินทรพฤกษา อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๔ ตำบลท่างิ้ว ได้ริเริ่มคิดจะสร้างสถานีอนามัยขึ้น อีก ๑ แห่ง หลังจากในพื้นที่ตำบลท่างิ้ว มีสถานีอนามัยอยู่แล้ว ๒ แห่งคือ แห่งแรกสถานีอนามัยบ้านโคกทึง ซึ่งตั้งอยู่ หมู่ที่ ๓  แห่งที่สอง สถานีอนามัยบ้านท่างามตั้งอยู่หมู่ที่ ๕  โดยรวบรวมรายชื่อประชาชน จำนวนมากจากหมู่ ๔,๗ ตำบลท่างิ้ว และจากหมู่ ๕ ตำบลอปลูกผัก นาทรายจัดทำโครงการเพื่อของบประมาณก่อสร้างโดยให้เหตุผลว่า ประชาชนเดินทางไกลกว่าจะไปถึงสถานีอนามัยหรือโรงพยาบาล ประชาชนส่วนหนึ่งคิดจะสร้างที่ริมถนนใกล้มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราชโดยให้เหตุผลว่า การเดินทางสะดวก แต่ทางอดีตผู้ใหญ่บ้านให้เหตุผลที่เลือกบริเวณในทุ่งนาใกล้สระบัวว่า ต้องการให้คนที่อยู่ในทีลำบากไม่ต้องเดินทางไกลไปที่เจริญ ต้องการให้อยู่ใกล้ชาวบ้าน จึงทำหนังสือผ่านทางสาธารณสุขอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชขณะนั้นคือ  นายประสงค์  ไชยรัตน์ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๙ ให้สร้างสถานีอนามัยบนลานดินกว้างใกล้สระบัว ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ ๒ ไร่เศษ
         งบประมาณ จำนวน ๒,๒๘๐,๐๐๐ บาท ตามแบบแปลนเลขที่ ๘๑๗๐/๓๖ ของกองแบบแผน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมีนางสมจิตร พรหมสุภาเป็นหัวหน้าสถานีอนามัยคนแรก เป็นผู้มีความรู้และสนใจด้านการแพทย์แผนไทยเป็นอย่างมาก ต่อมาเมื่อปี ๒๕๔๓ จึงได้ขอรับงบประมาณ การแพทย์แผนไทย เพื่อต่อเติมชั้นล่างพร้อมติดตั้งอุปกรณ์ในห้องอบสมุนไพรครบชุด พร้อมตู้เก็บอุปกรณ์ จำนวน ๔๐๐,๐๐๐ บาท เพื่อให้บริการแพทย์แผนไทย เช่น นวดแผนไทย อบสมุนไพร และยาสมุนไพร  เป็นต้น
๒.ข้อมูลของประชากรที่รับผิดชอบ (จำนวนประชากรสำรวจ, จำนวนประชากร UC, ปิรามิดอายุของประชากร, ศาสนา, อาชีพ, รายได้เฉลี่ยของประชากร)
        ที่ตั้งและอาณาเขต  รพ.สต.บ้านป่ายาง  ตั้งอยู่บนถนนสระบัว-ทุ่งในสระ เชื่อมกับสาย นครศรีธรรมราช พรหมคีรี ตั้งอยู่หมู่ที่ ตำบลท่างิ้ว  อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช  ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวเมือง ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชประมาณ  กิโลเมตร มีพื้นที่ 2 ไร่ รับผิดชอบ 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 4,7    ตำบลท่างิ้ว มีอาณาเขตติดต่อ
อาณาเขตติดต่อกับตำบลใกล้เคียง  ดังนี้
           ทิศเหนือ ติดต่อ ตำบลนาเรียง อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช
           ทิศใต้ ติดต่อ ตำบลนาทราย  อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
           ทิศตะวันออก ติดต่อ หมู่ ๒,๓ ตำบลท่างิ้ว  อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช
           ทิศตะวันตก ติดต่อ หมู่ที่ ๕ ตำบลท่างิ้ว และตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี
      การเมืองการปกครอง ตำบลท่างิ้ว แบ่งเขตการปกครองเป็น ๘ หมู่บ้าน  มีการปกครองแบบการบริหารส่วนตำบล (อบต.)ซึ่งเปิดทำการเมื่อปี ๒๕๓๘ เป็นต้นมา และยกระดับเป็นเทศบาลตำบลเมื่อปี ๒๕๕๔ มีสำนักงานตั้งอยู่  หมู่ที่ ๗ ตำบลท่างิ้ว
       การคมนาคม ภายในหมู่บ้านมีถนน ลูกรัง หินคลุก คอนกรีตและลาดยาง  สามารถติดต่อได้อย่างทั่วถึงในทุกฤดูกาล  แต่การคมนาคมจะไม่ค่อยสะดวกในช่วง ฤดูฝน เพราะมีน้ำท่วม ในบางหมู่บ้าน
       สถานะทางเศรษฐกิจของประชาชน  มีฐานะพอกินพอใช้ ลักษณะพื้นที่โดยทั่วไป มีสภาพเป็นที่ราบลุ่ม ดินร่วนปนทรายและดินเหนียว เหมาะแก่การเพาะปลูก  ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สำหรับ ทำนา ,ทำไร่ และเกษตรกรรมอื่น ๆ  ประชาชนส่วนมากจึงประกอบอาชีพเกษตรกรรม คือทำนา ทำสวนยางพารา สวนผลไม้ เลี้ยงสัตว์ รองลงมาคือรับจ้าง และรับราชการ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราชด้วย
      พื้นที่รับผิดชอบ จำนวน ๒ หมู่บ้าน คือ หมู่ ๔,๗ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวเมือง ห่างจากที่ว่าการอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชประมาณ ๒๕ กิโลเมตร 
         ลักษณะภูมิอากาศ สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไปเป็นเขตมรสุมเมืองร้อนตลอดฤดูกาล อุณหภูมิเฉลี่ย 27.58 องศาเซลเซียส แบ่งออกเป็น 2 ฤดู คือ   ฤดูร้อน ระหว่างเดือน กุมภาพันธ์  ถึง เดือนเมษายน                  ฤดูฝน แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ฝนตกไม่หนาแน่น  ช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนมกราคม ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือฝนตกหนัก ถึงหนักมาก และทำให้เกิดน้ำท่วมขังหนักและหนักมากในพื้นที่ฝั่งทิศตะวันออกของหมู่ ๔
        อาชีพ  ประชากรในเขตพื้นที่รับผิดชอบมีอาชีพต่างๆ ดังนี้
       ทำนา  388  ครอบครัว  ร้อยละ  55.95          ทำสวน    210  ครอบครัว ร้อยละ  15.23
       รับราชการ 157  ครอบครัว  ร้อยละ  7.89       ค้าขาย    106  ครอบครัว ร้อยละ   5.26               
                  เลี้ยงสัตว์ 89 ครอบครัว       ร้อยละ  5.40       รับจ้าง    48   ครอบครัว  ร้อยละ 6.64              
                  อาชีพอื่น ๆ   26  ครอบครัว          ร้อยละ  3.60    
          การนับถือศาสนา  ประชากรส่วนมากนับถือศาสนาพุทธ โดยมีอัตราส่วนดังนี้

หมู่ที่
ศาสนาพุทธ(%)
ศาสนาอิสลาม(%)
4
98.27
1.73
7
100
0
       การศึกษา รพ.สต.บ้านป่ายาง มีโรงเรียนในเขตรับผิดชอบ ดังนี้
1)      โรงเรียนวัดป่ายาง ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลท่างิ้ว เปิดสอนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็ก ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีจำนวนนักเรียนทั้งหมด   ๒3  คน    ครู  4 คน อัตราส่วนครูต่อนักเรียน  1  ต่อ  ๖(ควบรวมกับโรงเรียนวัดมหาชัยวราราม)
2)      โรงเรียนวัดมหาชัยวราราม ตั้งอยู่หมู่ที่ 7 ตำบลท่างิ้ว  เปิดสอนตั้งแต่ชั้นเด็กเล็ก ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 มีจำนวนนักเรียนทั้งหมด  163   คน ครู 9 คน อัตราส่วนครูต่อนักเรียน 1 ต่อ 19
3)      โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลท่างิ้ว เปิดสอนตั้งแต่ชั้นบริบาล ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ มีจำนวนนักเรียนทั้งหมด   ๑,233  คน    ครู  ๒๘ คน อัตราส่วนครูต่อนักเรียน  1  ต่อ  ๔๔
4)      ศูนย์เด็กเล็กบ้านป่ายาง ตั้งอยู่หมู่ที่ 4 ตำบลท่างิ้ว เปิดสอนชั้นเด็กเล็ก อนุบาล 1 – 3  มีจำนวนนักเรียนทั้งหมด   46  คน    ครู  2 คน อัตราส่วนครูต่อนักเรียน  1  ต่อ  13
๓. พื้นที่การปกครองแสดงจำนวน เทศบาล อบต. ตำบล หมู่บ้าน หลังคาเรือน ประชากร
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายาง ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มี ๒หมู่บ้าน ประชากรทั้งสิ้น  ๓,๗๗๒ คน  ชาย ๑,๘๖๕ คน,หญิง ๑,๙๐๗ คน,จำนวนบ้าน  ๑๐๓๒ หลัง ผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพจำนวน ๒,๖๒๘ คน

                 จาก ปิระมิดประชากร คล้ายรูปทรงระฆังคว่ำ ฐานของปิระมิดกว้าง ส่วนกลางกว้างออกและค่อยๆแคบลง ในส่วนของ ปลายปิระมิด  แสดงให้เป็นว่ากลุ่มภาวะพึ่งพิง มีไม่สูงนัก (อัตราส่วนภาวะพึ่งพิง ของ รพ.สต.บ้านป่ายางเท่ากับ ๒๑.๐๓) กลุ่มวัยทำงานมีสัดส่วนสูง อธิบายได้ว่าประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน อายุ ระหว่าง ๑๕๕๙ ปี ร้อยละ (๖๕.๙๓)  ประชากรวัยเด็ก(อายุ ๐ - ๑๔ ปี)ร้อยละ ๒๑.๖๙ มีแนวโน้มลดลง  ประชากรผู้สูงอายุ(60 ปีขึ้นไป)เพิ่มขึ้น ร้อยละ ๑๕.๖๓  ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่เน้นย้ำให้เห็นว่า  ได้ก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมสูงอายุ ผู้อยู่ในวัยแรงงานต้องรับภาระมากขึ้นในการเลี้ยงดูสุขภาพ  แต่ในทางเดียวกันทุกภาคส่วนต้องเตรียมการณ์ล่วงหน้าให้พร้อมทุกด้าน โดยเฉพาะด้านสาธารณสุขที่ต้องเตรียมการสำหรับผู้สูงอายุ  ซึ่งควรมีการเตรียมความพร้อมจึงเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องเข้ามาทำงานร่วมกัน  ต้องมีการวางแผนเพื่อเตรียมรับมือกับปัญหาสุขภาพผู้สูงอายุ อย่างต่อเนื่อง และทั่วถึง เช่น การมีบัตรประจำตัวและการสงเคราะห์เบี้ยยังชีพ การจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ เป็นต้น ในทางเดียวกันครอบครัวก็มีความสำคัญมากในการให้ความรักและเอาใจใส่ดูแลผู้สูงอายุ การที่สังคมมีประชากรที่มีอายุยืนน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่แสดงให้เห็นถึงการเอาใจใส่ดูแลรักษา (ที่มาจากการทะเบียนราษฎร์  ณ  วันที่  1  สิงหาคม 255๗)

ตาราง แสดงจำนวนและร้อยละของประชากร ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของ รพ.สต.บ้านป่ายาง
กลุ่มอายุ (ปี)
ชาย
หญิง
รวม
จำนวน
ร้อยละ
จำนวน
ร้อยละ
จำนวน
ร้อยละ
0 – 4
๙๘
3.18
๙๗
2.97
1๙๕
6.15
5 – 9
1๒๐
3.57
๑๐๗
3.40
๒๒๗
6.97
10 – 14
1๒๕
4.42
1๔๒
4.15
๒๖๗
8.57
15 – 19
1๒๒
4.24
1๖๑
4.11
2๘๓
8.35
20 – 24
๑๓๑
4.32
๑๓๑
3.89
๒๖๒
8.21
25 – 29
๑๓๘
4.20
2
4.10
๒๕๘
8.30
30 – 34
1๕๙
3.92
๑๓๓
4.02
๒๙๒
7.94
35 – 39
๑๕๙
3.69
๑๕๑
4.01
๓๑๐
7.71
40 – 44
1๕๑
3.51
๑๗๔
3.97
๓๒๕
7.48
45 – 49
1๔๙
3.48
1๕๐
3.97
๒๙๙
7.44
50 – 54
1๒๙
2.86
15
3.21
2๘๔
6.07
55 – 59
๘๕
2.04
๑๑๔
2.40
๑๙๙
4.43
60 – 64
๗๓
1.55
1
1.89
1๖๔
3.44
65 – 69
๕๐
1.28
6
1.59
1๑๒
2.87
70 – 74
๔๕
1.02
6
1.38
1๐๘
2.40
75 – 79
0
0.75
๔๖
0.99
๗๖
1.75
80 – 84
๒๙
0.44
๓๗
0.65
๖๖
1.09
85 ขึ้นไป
๑๖
0.31
๒๙
0.52
4
0.83
รวม
,0
48.78
,9๖๓
51.22
,๗๗2
100.00





          4.ทรัพยากร  
สถานพยาบาลรัฐ/เอกชน     ไม่มี
ร้านขายยา                      จำนวน    ๑   ร้าน
โรงเรียน                         จำนวน    ๓   โรงเรียน
วัด/ศาสนสถาน                จำนวน    ๓   แห่ง
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก             จำนวน    ๑   แห่ง
อสม.                           จำนวน  ๑๐๙  คน
กสค.                           จำนวน  ๕๕๐  คน
          5. อัตรากำลังบุคลากรแต่ละประเภทต่อประชากร
                   พยาบาลวิชาชีพ                จำนวน     ๑  คน 
                   นักวิชาการสาธารณสุข         จำนวน     ๑  คน
                     ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย            จำนวน    ๑  คน
          6. สถานการณ์การเงินของหน่วยบริการปฐมภูมิ เงินบำรุงจำนวน     ๓๘๙,๗๒๐.๓๗     บาท

ตารางข้อมูลผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้พิการ
เขตพื้นที่
ตำบล
ประชากร
จำนวนผู้ป่วย
DM.
HT.
HT,DM.
ผู้พิการ
รพ.สต.บ้านป่ายาง
ท่างิ้ว
๓,๗๗๒
๕๑
๗๑
๑๐
๓๙


๗.ข้อมูลสถานะสุขภาพ
ปัญหาสุขภาพที่สำคัญ[1]ของประชากรในพื้นที่ 3 ปีย้อนหลัง
๑.พบผู้ป่วยวัณโรครายใหม่  ๓ ราย คิดเป็นอัตราป่วย 40.07 ต่อประชากรแสนคน
๒.พบผู้ป่วยไข้เลือดออกรายใหม่ 2 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 40.07  ต่อประชากรแสนคน
๓.ผู้ป่วยเบาหวานมีภาวะแทรกซ้อน ๑ รายร้อยละ 78.95
๔.ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง  ๓ ราย ร้อยละ 19.83
     ๕.การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในสตรีอายุ 30-60ปี  ต่ำกว่าเกณฑ์  ร้อยละ  33.75

สาเหตุของการตาย 3 อันดับแรกที่พบบ่อย
1.      โรคชรา                           
2.      โรคหัวใจและหลอดเลือด
3.      โรคไตวาย

ข้อมูลงาน คบส.
ตาราง แสดงสถานที่จำหน่ายและผลิตอาหาร, สถานพยาบาล และผลิตภัณฑ์สุขภาพชุมชน
                  (อาหาร,ยา,  เครื่องสำอาง , น้ำยาอเนกประสงค์)   

ชื่อหมู่บ้าน
ร้าน
อาหาร
แผง
ลอย
ก๋วย
เตี๋ยว
ร้าน
อาหาร
สด
ร้านชำ/
ซุปเปอร์
มาเก๊ต
ตลาด
เปิด
ท้าย/
ตลาด
นัด
ผลิตภัณฑ์
สุขภาพชุมชน
(อาหาร,ยา,เครื่องสำอาง,
น้ำยาอเนก
ประสงค์)

รถเร่
กลุ่ม/ชมรม คบส.
สถาน
พยาบาล
ม.๔
บ้านป่ายาง

๒๒

๔๓
๑๖
๑๒
0
1
0
        ม.๗
บ้านห้วยหมอ


 
 0
0
1
0
รวม
๒๔
๔๕
๑๗
๑๔
0
0
         ที่มา : อาหาร,ยา,    เครื่องสำอาง , น้ำยาอเนกประสงค์)  ปีพ.ศ.255๗
จากตาราง พบว่า จากการสำรวจสถานที่จำหน่ายและผลิตอาหาร ในเขตรับผิดชอบ  โดยจะมีร้านอาหาร,ร้านแผงลอยจำหน่ายจำนวนมากบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช เป็นแหล่งที่ต้องเฝ้าระวังโรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร
ทรัพยากรสาธารณสุข
อัตรากำลังบุคลากรสาธารณสุข  
ตาราง แสดงอัตรากำลังของบุคลากรแต่ละประเภทต่อจำนวนประชากร UC
                (ประชากร UC ๒,๖๒๘ คน)
ชื่อ สกุล
ตำแหน่ง
อัตราต่อประชากร
นายสมบัติ  กำจรฤทธิ์
ผอก.รพ.สต.(นวก.สาธารณสุข ชำนาญการ)
1 : ๘๗๖
นางสาวศาธนา  มูประสิทธิ์
พยาบาลวิชาชีพ ชำนาญการ
1 : ๘๗๖
นางมณฑา   เชตุวรรณ

ผู้ช่วยแพทย์แผนไทย

1 : ๘๗๖
                    ที่มา ทะเบียนเจ้าหน้าที่   ( กพ.7 )
                
                    หมายเหตุ        สัดส่วนพยาบาลวิชาชีพต่อประชากร UC ไม่เกิน 1: 5,750
                                  เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานประจำ ต่อประชากร UC ไม่เกิน 1: 1,250
 



ตาราง แสดง การแบ่งหน้าที่รับผิดชอบหมู่บ้านของเจ้าหน้าที่รพ.สต.บ้านป่ายาง  ตำบลท่างิ้ว 

หมู่
หมู่บ้าน
จำนวน
หลังคาเรือน
ประชากร
ผู้รับผิดชอบ
ชาย
หญิง
รวม
บ้านป่ายาง
6๕๗
๑,22
๑,๒๓๗
๒,๔๕๘
นายสมบัติ กำจรฤทธิ์

บ้านห้วยหมอ
๔๒๒
๘๐๒
8๒๕
1,๖๒๗
นางสาวศาธนา มูประสิทธิ์

รวม
,๐๗๙
๒,๐๒๓
๒,๐๖๒
๓,๐๘๕


มีการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบหมู่บ้านและประชากรชัดเจน


ข้อมูล   สถานะสุขภาพ
แผนภูมิ  แสดงสถิติชีพในเขตรับผิดชอบของ รพ.สต.บ้านป่ายาง  เปรียบเทียบ  3 ปีย้อนหลัง
                        

จากแผนภูมิ พบว่า  อัตราเกิดเริ่มลดลง เนื่องจากหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่อยู่กินกับสามี มีอัตรา
   การคุมกำเนิดเพิ่มขึ้น  แต่อัตราการตายที่ลดลงทุกปี  เหตุจากการได้รับการรักษาที่มีคุณภาพและสามารถ
   เข้าถึงบริการได้อย่างสะดวก  ส่งผลให้มีอัตราการเพิ่มตามธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นกัน 
ข้อมูลสาเหตุการป่วยตามกลุ่มโรค
แผนภูมิแสดงอัตราป่วยของผู้ป่วยนอก  10  อันดับแรก  ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
                          ตำบลบ้านป่ายาง  ปี  2553-2555

         
   จากแผนภูมิ พบว่า  โรคระบบทางเดินหายใจเป็นโรคที่พบมากที่สุด เนื่องจากเป็นโรคตามฤดูกาล หรือโรคประจำท้องถิ่น  แต่โรคที่รองลงมาคือโรคความดันโลหิตสูงและโรคเบาหวาน  ซึ่งเป็นกลุ่ม
โรคไม่ติดต่อที่มีอัตราเพิ่มสูงขึ้น  นับว่าเป็นกลุ่มโรคที่เป็นปัญหาทางด้านสาธารณสุขที่ทางโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายาง  จะต้องดำเนินการควบคุมป้องกันเพื่อลดอัตราป่วยต่อไป











ข้อมูลสาเหตุการตาย 
แผนภูมิแสดงสาเหตุการตายที่สำคัญ   เขตพื้นที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายาง  เปรียบเทียบ 3 ปีย้อนหลัง ( อัตราต่อประชากร 1,000 คน )
           
                  
จากแผนภูมิสาเหตุการตาย  จะเห็นได้ว่า  ในปี  2553  -   2555   มีการตายที่เกิดจากสาเหตุ  โรคไม่ติดต่อ  เช่น ระบบไหลเวียนเลือดทุกปี  เนื่องจากเมื่อมีการคัดกรองโรคไม่ติดต่อ  พบว่ามีแนวโน้มการเป็น
โรคเพิ่มขึ้น  ในทุกหมู่บ้านของพื้นที่รับผิดชอบ รพ.สต.บ้านป่ายาง  ส่วนโรคชราเป็นอัตราตายตามธรรมชาติ
         






 
 










ข้อมูลการป่วยด้วยโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา                                                       
แผนภูมิแสดง อัตราป่วยด้วยโรคที่ต้องเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา ของ รพ.สต.บ้านป่ายาง
                     เปรียบเทียบ 3  ปีย้อนหลัง  (  อัตราต่อ  100,000  ประชากร  )


  จาก  แผนภูมิ  แสดง รายงาน 506  โรคที่ต้องเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาปี  2555 พบว่า อัตราป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วง  มีอัตราสูงสุด  คือ  80.14  ต่อแสนประชากร  รองลงมาคือโรควัณโรค  โรคไข้เลือดออกและโรคตาแดง  มีอัตรา  40.07  ต่อแสนประชากร    ตามลำดับ  สำหรับการระบาดของโรคไข้เลือดออก  ยังเป็นปัญหาสาธารณสุข  เนื่องจากสภาพพื้นที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของยุงลาย  และสภาพอากาศที่มีฝนตกทิ้งช่วงเป็นระยะช่วง ฯ  โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายาง  จึงต้องเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาและ  ควบคุมป้องกันการระบาดของโรคในเชิงรุกต่อไป
                                                                  




                  









การวิเคราะห์ปัญหาและจัดลำดับความสำคัญของปัญหา

1.   การประชาคม โดยบูรณาการทุกภาคส่วน ภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ ประกอบด้วย อบต.  อสม. ผู้นำชุมชน และประชาชนกลุ่มต่างๆ โดยการระดมความคิด การจัดทำแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ การจัดทำแผนชุมชน โดยการร่วมคิด ร่วมวางแผน ร่วมตัดสินใจและมีข้อสรุปทางสังคม
2.   การวิเคราะห์ปัญหาและการจัดลำดับปัญหาของชุมชน โดยการนำเสนอข้อมูล เช่น สถานการณ์
โรค อัตราป่วยตาย และกลุ่มเสี่ยงพฤติกรรมการเกิดโรค และนำปัญหามาจัดลำดับความสำคัญของปัญหา
โดยวิเคราะห์จากขนาด ความรุนแรง ความยากง่าย และปฏิกิริยาของชุมชน
จากการสรุปผลงานประจำปี 255๗ สามารถสรุปปัญหาด้านสาธารณสุขได้ดังนี้
1.ผู้ป่วยวัณโรครายใหม่  ๓ ราย คิดเป็นอัตราป่วย 40.07 ต่อประชากรแสนคน
2.ผู้ป่วยเบาหวานมีภาวะแทรกซ้อนร้อยละ 78.95
3.ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมีภาวะแทรกซ้อน ร้อยละ 19.83
4.ผู้ป่วยไข้เลือดออกรายใหม่ 2 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 40.07  ต่อประชากรแสนคน
5.การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกในสตรีอายุ 30-60ปี  ต่ำกว่าเกณฑ์  ร้อยละ  33.75

ปัญหาสุขภาพที่สำคัญในพื้นที่
ปี 255๕
ปี 255๖
ปี 255๗
อันดับ
ปัญหาเรื่อง
อันดับ
ปัญหาเรื่อง
อันดับ
ปัญหาเรื่อง
1
โรคความดันโลหิตสูง
1
โรคความดันโลหิตสูง
1
โรคเบาหวาน
2
โรคไข้เลือดออก
2
โรคเบาหวาน
โรคไข้เลือดออก
3
โรคเบาหวาน
3
โรควัณโรค
3
โรคความดันโลหิตสูง
4
โรควัณโรค
4
โรคไข้เลือดออก
4
โรควัณโรค
5
โรคมะเร็ง
5
โรคมะเร็ง
5
โรคมะเร็ง

เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพของเครือข่ายบริการสุขภาพโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช และที่รวบรวมจากข้อมูลสถิติ การประชาคมของหมู่บ้าน และนำมาวิเคราะห์ได้มีจำนวนมาก สามารถสรุปได้ 3 กลุ่มปัญหา คือ กลุ่มปัญหาด้านสุขภาพ   และกลุ่มปัญหาระบบบริการสุขภาพ นำมาจัดลำดับความสำคัญของปัญหา











สถานการณ์และสภาพปัญหาสุขภาพ
โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายาง   อำเภอเมือง  จังหวัดนครศรีธรรมราช
  การจัดลำดับความสำคัญของปัญหาสาธารณสุข
ปัญหา
อัตราป่วย/ตาย
ขนาดปัญหา
(5)
ความรุนแรง
(5)
ความยาก
ง่าย
(5)
ความสนใจ
ของชุมชน
(5)
คะแนนรวม
คะแนน
ลำดับ
ปัญหา
ลำดับ
255
255
255
1. ผู้ป่วยวัณโรครายใหม่
อัตราป่วยต่อแสนประชากร
80.11
20.10
40.07
3 (15)
4 (20)
4 (20)
4 (20)
1๑ (75)
2  ผู้ป่วยโรคเบาหวาน 
มีภาวะแทรกซ้อน ร้อยละ
70.12
74.43
78.95
2 (10)
4 (20)
3 (15)
4 (20)
13 (65)
3. ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง
มีภาวะแทรกซ้อน ร้อยละ
16.55
17.62
19.83
2 (10)
4 (20)
3 (15)
3 (10)
12 (60)
4. ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออก
อัตราป่วยต่อแสนประชากร
100.14
20.10
40.08
3 (15)
5 (25)
3 (15)
4 (20)
15 (75)
5. มะเร็ง
อัตราตายต่อแสนประชากร
40.06
0
20.04
2 (10)
3 (15)
4 (20)
2 (10)
11 (55)
5
                      
          ปัจจัยที่มีผลต่อสุขภาพ
  พื้นที่รับผิดชอบของ รพ.สต.บ้านป่ายาง  หมู่ที่ ๔ และ ๗ ตำบลท่างิ้ว  อาชีพหลัก คือ การทำเกษตรกรรม  (ทำสวนยาง, ปลูกผัก, ทำนา,  เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ)    อาชีพรองได้แก่ รับจ้าง  ตามลำดับ    จากการอยู่ในที่ราบเชิงเขา พื้นที่เป็นสวนยาง มีฝนตกชุกและมีน้ำขัง  จึงเหมาะแก่การเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลาย ประกอบกับลักษณะพื้นที่เป็นกึ่งเมืองกึ่งชนบท จึงทำให้มีการเคลื่อนย้ายของประชากรระหว่างพื้นที่กับเขตเมือง จึงทำให้โรคไข้เลือดออกและโรคฉี่หนู ระบาด ได้ง่าย


ปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของ รพ.สต.บ้านป่ายาง
โรคเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง
โครงการที่ดำเนินการในปี 255๗  เพื่อแก้ไขปัญหาสาธารณสุข
“โครงการตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูงและเบาหวาน”
“โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง”
“โครงการป้องกันภาวะแทรกซ้อนในผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง”

โรคไข้เลือดออก
- เป็นโรคที่ระบาด โรคที่ติดต่อได้ง่าย มีความรุนแรงถึงชีวิตได้  
- ด้านสิ่งแวดล้อม สภาพทางภูมิศาสตร์มีส่วนในการระบาดของโรค
- วิทยาการการเฝ้าระวัง/การวินิจฉัยต้องเปลี่ยนแปลงตามลักษณะพยาธิสภาพของโรคที่เปลี่ยนแปลงไป

มาตรการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ
1.      การสร้างกระแสการทำลายลูกน้ำยุงลายทุกสัปดาห์
2.      การให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคไข้เลือดออก
3.      การตรวจสำรวจ กอ.3 และนำมาประกอบการควบคุมป้องกันโรคในชุมชน
4.      การรณรงค์การป้องกันและควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออก
5.      การมีทีม SRRT ที่สามารถเข้าไปควบคุมป้องกันการระบาดและสอบสวนโรคไข้เลือดออกอย่างรวดเร็ว
6.      ส่งเสริมบุคลากรในเครือข่ายให้มีการศึกษาวิจัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรและชุมชน
7.      จัดทำแผนงาน/โครงการ ขอสนับสนุนงบประมาณกองทุนสุขภาพตำบล จาก สปสช.


โรควัณโรค
- เป็นโรคที่รักษาให้หายได้  แต่ต้องกินยาอย่างต่อเนื่องถึง 6 เดือน ทำให้ผู้รับบริการรู้สึกเบื่อหน่าย
  ที่รักษาและ ไม่ยอมกินยาอย่างต่อเนื่อง
- เป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย  มีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง  
- ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป
- เมื่อเปรียบเทียบประชากรกับเจ้าหน้าที่แล้วไม่เพียงพอต่อภาระงานที่เพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้การบริการ
   ไม่เต็มประสิทธิภาพ

มาตรการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ
1.      การค้นหาและสร้างทีมงานพี่เลี้ยง
2.      การค้นหาผู้ป่วยวัณโรครายใหม่
3.      กิจกรรมในการดำเนินงานดูแลผู้ป่วยวัณโรค
4.      การออกติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วยวัณโรค 

โครงการที่ดำเนินการในปี 255๗ เพื่อแก้ไขปัญหาสาธารณสุข
โครงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประชาชนในการป้องกันโรคไข้เลือดออก



ข้อมูลการให้บริการสุขภาพ
1.การจัดบริการ
          โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านปากนครมีการจัดบริการ   ประเภท  ดังนี้
                   1.รักษาพยาบาล
                   2.ส่งเสริมสุขภาพ
                   3.ควบคุมและป้องกันโรค
                   4.ฟื้นฟูสมรรถภาพ
                   5.คุ้มครองผู้บริโภค
 ข้อมูลการให้บริการสุขภาพ ประกอบด้วย
1.      การจัดบริการมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
ภารกิจของ รพ.สต. จากนโยบายนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๑ ด้านสาธารณสุข รัฐบาลมุ่งเน้นในการปรับปรุงระบบบริการสาธารณสุขให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น โดยการยกระดับ สถานีอนามัยขึ้นเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)และส่งเสริมบทบาทของท้องถิ่นให้เข้ามาร่วมผลิตบุคลากรสาธารณสุข เพื่อกลับไปทำงานในท้องถิ่น รวมถึงการพัฒนาบทบาท อสม.ให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น  นโยบายดังกล่าวเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการปฏิรูประบบสุขภาพ เป็นยุทธศาสตร์ที่เปลี่ยนจากงานรักษาพยาบาลแบบตั้งรับ มาเน้นการส่งเสริมให้มีการสร้างสุขภาพเชิงรุกของบุคคล ครอบครัว และชุมชน ซึ่งจะมีผลทำให้ระบบบริการสุขภาพในภาพรวม มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดปริมาณผู้ป่วยที่ไปใช้บริการในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ลดลง  ลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทางของประชาชน อีกทั้งเป็นการประหยัดงบประมาณของชาติในระยะยาว ที่สำคัญคือ ลดทุกขภาวะของบุคคล ครอบครัว และชุมชนอย่างเห็นได้ชัด   
๑.การบริการตั้งรับ (การให้บริการในรพสต.)
-การตรวจวินิจฉัย การรักษาพยาบาลเบื้องต้น
-การให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำด้านสุขภาพแก่ผู้รับบริการและครอบครับ
-การให้บริการต่อเนื่อง และติดตามผลการรักษา
-การส่งต่อตามระบบ โดยการประสานกับโรงพยาบาลแม่ข่าย
โดยให้ปรับมาตรฐานการให้บริการให้เป็นไปตามเกณฑ์ ๓ ดี คือ
บรรยากาศดี ด้วยการปรับโฉมพื้นที่ ภูมิทัศน์ให้ดูสะอาด สวยงาม จัดมุมให้ความรู้แก่ผู้มารับบริการ
บริการดี การให้บริการทางการแพทย์ โดยคำนึง ๔ เรื่องคือ ลดเวลาการรอคอย, การจัดคิว, จุดให้บริการ, มีระบบส่งต่ออย่างเป็นรูปธรรม
บริหารจัดการดี ปรับระบบการบริหารจัดการที่ดี  มีตู้รับฟังความคิดเห็น  สามารถสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ชุมชน อปท.องค์กรเอกชนในการพัฒนาระบบงานที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว มีความยั่งยืน มีความเป็นธรรม มีประสิทธิภาพ เป็นระบบที่ชุมชนสนับสนุน กำกับดูแล และรู้สึกเป็นเจ้าของ
๒.การบริการเชิงรุก (การบริการในครอบครัว ชุมชน)
-ปรับความคิดของชาวบ้าน ที่คอยพึ่งพิงระบบสาธารณสุขในเรื่องการรักษามาเป็นพึ่งตนเองด้วยการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมป้องกันดูแลสุขภาพตัวเองก่อนที่จะเจ็บป่วย “สร้างสุขภาพมากกว่าซ่อมสุขภาพ”
- ทีมเยี่ยมบ้าน ประกอบด้วย อสม. จนท.จะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ ภารกิจหลักพื้นฐาน จะเป็นการบริการแบบผสมผสานให้แก่ประชากรทุกกลุ่มอายุ ในสถานพยาบาล ที่บ้าน และชุมชน งานบริการดูแลเป็นกลุ่มประชากร ตามวัย และตามประเด็น ปัญหาเฉพาะของพื้นที่ รวมทั้งการจัดการเพื่อเสริมศักยภาพการเรียนรู้ของชุมชนและบริการที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เป็นภารกิจที่ รพ.สต. จะต้องดำเนินงานให้ครอบคลุม โดยเน้นตามสภาพปัญหาสุขภาพของพื้นที่ ซึ่งได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลประชากร กลุ่มเสี่ยง ผู้ป่วยในชุมชน
      
๒.การจำแนกกลุ่มเป้าหมาย เพื่อความสะดวกในการจัดระบบบริการจึงขอแบ่งกลุ่มเป้าหมายออกเป็น กลุ่ม และจัดกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในแต่ละกลุ่มเป้าหมายดังนี้ 
กลุ่มเป้าหมาย
ความต้องการ
การจัดระบบบริการ
1.กลุ่มเด็ก 0-72 เดือน

- จัดให้มีมุมส่งเสริมพัฒนาการ หนังสือนิทานให้ยืม
- บริการคลินิกสุขภาพเด็กดี ให้วัคซีนทุกวันที่ ๑๕ ของเดือน
- จัดกิจกรรมส่งเสริมการพัฒนาการเด็ก
-จัดทำทะเบียนกลุ่มเป้าหมาย
-ค้นหากลุ่มเป้าหมายโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
-นัดหมายบริการในสถานบริการและในชุมชน
-จัดบริการตรวจสุขภาพคลินิกเด็กดี ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดรอบศีรษะ รอบอก ประเมินภาวะโภชนาการ ตรวจพัฒนาการ ส่งเสริมการเลี้ยงด้วยนมแม่ ตรวจสุขภาพฟัน โดยร่วมมือกับภาคี/อสม.
-จัดกิจกรรมให้ความรู้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยงแก่ผู้ดูแลเด็ก โดยทีมสุขภาพ และติดตามผลโดยอสม.เชี่ยวชาญ
-ส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในคลินิก / บริการทันตกรรม/รพ.และติดตามผลโดยทีมสุขภาพ และอสม.เชี่ยวชาญ
2.  กลุ่มหญิงตั้งครรภ์

- บริการฝากครรภ์ ครบถ้วนเบ็ดเสร็จ ( One Stop service)
ตรวจภาวะผิดปกติ
จัดคลินิกฝากครรภ์ ( One Stop service) ได้มาตรฐาน ประเมินภาวะเสี่ยง บริการเชื่อมโยงกับ รพ.แม่ข่าย
แนวทางการดูแลสุขภาพหญิงมีครรภ์
 วิธีการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงและรักษาของ รพ.สต.
-จัดทำทะเบียนกลุ่มเป้าหมาย
-ค้นหากลุ่มเป้าหมายโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
-นัดหมายบริการในสถานบริการและในชุมชน
-จัดบริการตรวจ สุขภาพหญิงมีครรภ์ ชั่งน้ำหนัก  วัดส่วนสูง แปรผล BMI ตรวจครรภ์ ส่งเสริมการเลี้ยงด้วยนมแม่ ตรวจสุขภาพฟัน  โดยร่วมมือกับภาคี/อสม.
-จัดบริการ ตรวจเลือด ฟังผลเลือด และกิจกรรมโรงเรียนพ่อแม่
ณ จุดบริการร่วมกันในพื้นที่โซนที่ 2  (รพ.สต.บ้านโคกข่อย)
-จัดกิจกรรมให้ความรู้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยง โดยทีมสุขภาพและติดตามผลโดย อสม.เชี่ยวชาญ
-ส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในคลินิก/บริการทันตกรรม/ส่งตรวจครรภ์ที่รพ.และติดตามผลโดยทีมสุขภาพ และ อสม.เชี่ยวชาญ
 - จัดระบบติดตามเยี่ยม ก่อน หลังคลอดครบคุณภาพ
3.  กลุ่มผู้พิการ
    -  กลุ่มป่วย
- ต้องการเบี้ยยังชีพ
- การบริการที่สะดวก ให้เห็นใจ
- กายภาพบำบัดฟื้นฟูในรายที่เริ่มมีภาวะผิดปกติ
- ประสานงาน กับ อปท.ขอรับเบี้ยยังชีพ
- ตรวจรับรองความพิการโดยแพทย์
- ประเมินภาวะแทรกซ้อนความพิการและทำการฟื้นฟูลดภาวะแทรกซ้อน
แนวทางการดูแลสุขภาพผู้พิการ
 วิธีการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงและรักษาของรพ.สต.
-จัดทำทะเบียนกลุ่มเป้าหมายจำแนกกลุ่มเป้าหมาย
-ค้นหากลุ่มเป้าหมายโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
-นัดหมายบริการในสถานบริการและเยี่ยมบ้านในชุมชน
-จัดบริการตรวจ สุขภาพ ชั่งน้ำหนัก  วัดส่วนสูง แปรผล BMI ตรวจสุขภาพฟัน ให้คำปรึกษา โดยร่วมมือกับภาคี/อสม.
-จัดกิจกรรมให้ความรู้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยง โดยทีมสุขภาพและติดตามผลโดยอสม.เชี่ยวชาญ
-ส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในคลินิก/บริการทันตกรรม/รพ.และติดตามผลโดยทีมสุขภาพและอสม.เชี่ยวชาญ
4.  กลุ่มผู้ป่วยเรื้อรัง   
 - กลุ่มที่มีภาวะแทรกซ้อน
- บริการให้รวดเร็ว
- มีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ

- พัฒนาระบบบริการคลินิกเบาหวาน
คลินิกรุ่งอรุณ,บริการอาหารเช้า,จัดระบบนัดตามระดับการควบคุมระดับน้ำตาล
- จัดกิจกรรม กลุ่มบำบัด (Group Therapy)
- ส่งต่อ ระบบแม่ข่ายและติดตามเยี่ยมบ้าน
แนวทางการดูแลสุขภาพผู้ป่วยเรื้อรัง
 วิธีการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงและรักษาของรพ.สต.
-จัดทำทะเบียนกลุ่มเป้าหมาย
-ค้นหากลุ่มเป้าหมายโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
-นัดหมายบริการในสถานบริการและในชุมชน
-จัดบริการตรวจ สุขภาพผู้ป่วยเรื้อรัง ชั่งน้ำหนัก  วัดส่วนสูง แปรผล BMI ตรวจสุขภาพฟัน  ติดตามผลการรักษา โดยร่วมมือกับภาคี/อสม.
-จัดกิจกรรมให้ความรู้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยง โดยทีมสุขภาพและติดตามผลโดยอสม.เชี่ยวชาญ
-ส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในคลินิก / บริการทันตกรรม/รพ.และติดตามผลโดยทีมสุขภาพและอสม.เชี่ยวชาญ
 - กลุ่มที่ควบคุมอาการได้  ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
- บริการให้รวดเร็ว
- มีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ
- พัฒนาระบบบริการคลินิกเบาหวาน
คลินิกรุ่งอรุณ,บริการอาหารเช้า,จัดระบบนัดตามระดับการควบคุมระดับน้ำตาล
- จัดกิจกรรม กลุ่มบำบัด (Group Therapy)
- มีการประเมินภาวะเสี่ยงด้วยตนเองและผู้ดูแล
5.  กลุ่มผู้สูงอายุ
     - กลุ่มป่วย



     - กลุ่มปกติ/กลุ่มเสี่ยง


- มีบริการสุขภาพในชุมชน มาตรวจที่ รพ.สต.ลำบากไม่มีคนดูแล
 - มีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพที่เหมาะสม
 - มีกิจกรรมหลากหลายในชุมชน
- มีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพที่เหมาะสมในผู้สูงอายุ
- มีกิจกรรมหลากหลายในชุมชน

- พัฒนาระบบเยี่ยมดูแลผู้สูงอายุที่ป่วยหรือด้อยโอกาสในชุมชน
โดยอสม.
- สนับสนุนชมรมผู้สูงอายุจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพ, กิจกรรมสันทนาการ
- บริการตรวจประเมินสุขภาพและสมรรถภาพผู้สูงอายุ
- ให้บริการแบบองค์รวม (Holistic Care) ด้วย กาย จิต สังคม
แนวทางการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
 วิธีการคัดกรองกลุ่มเสี่ยงและรักษาของ รพ.สต.
-จัดทำทะเบียนกลุ่มเป้าหมาย
-ค้นหากลุ่มเป้าหมายโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน
-นัดหมายบริการในสถานบริการและในชุมชน
-จัดบริการตรวจ สุขภาพ ชั่งน้ำหนัก  วัดส่วนสูง แปรผล BMI ตรวจสุขภาพฟัน คัดกรองภาวะซึมเศร้า ภาวะสมองเสื่อม และภาวะข้อเสื่อม โดยร่วมมือกับภาคี/อสม.
-จัดกิจกรรมให้ความรู้ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มเสี่ยง โดยทีมสุขภาพและติดตามผลโดยอสม.เชี่ยวชาญ
-ส่งผู้ป่วยเข้ารับการรักษาในคลินิก / บริการทันตกรรม/รพ.และติดตามผลโดยทีมสุขภาพและอสม.เชี่ยวชาญ
6.กลุ่มเสี่ยงสุขภาพ
- กลุ่มอ้วนลงพุง

- มีกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพที่เกิดกระแสการลดความอ้วน  ลดพุง ที่หลากหลายเหมาะสม

- จัดมหกรรมสร้างกระแส สุขภาพดี คนไทยไร้พุง ป้องกันโรคภัยเงียบ
- คลินิกลดความอ้วน ลดพุง ใน รพ.สต.
- ประกวดชุมชนลดพุง ด้วยมาตรการ 3 อ.
- กลุ่มดื่มสุรา และผู้ป่วยโรคพิษสุราเรื้อรัง
- ชุมชนต้นแบบ ปลอดเหล้างานบุญ งานศพ
- ผู้ติดสุราเรื้อรังได้รับการบำบัดรักษาและลดกลุ่มที่จะติดสุราในชุมชน
- สำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อประเด็นชุมชนปลอดเหล้างานบุญ งานศพ
- เวทีประชาคม ข้อตกลงชุมชนปลอดเหล้างานบุญ งานศพ
- ส่งต่อและบำบัดรักษากลุ่มติดสุราเรื้อรัง


๓. ตัวชี้วัดที่สำคัญของหน่วยบริการปฐมภูมิ  (ยึดหลักการประเมินตามเกณฑ์ศักยภาพหน่วยบริการปฐมภูมิ) 
1.      เกณฑ์ด้านการบริหารจัดการ

เกณฑ์ด้านกำลังคน
1.      มีพยาบาลวิชาชีพเวชปฏิบัติ (NP) ปฏิบัติงานเต็มเวลา ได้แก่ นางศาธนา มูประสิทธิ์
2.      สัดส่วนพยาบาลต่อประชากร UC  1 : ๓,๗๗๒   
3.      สัดส่วนบุคลากรสาธารณสุขปฏิบัติงานประจำต่อประชากร UC  1 : 1,๘๘6 
 เกณฑ์ด้านการงบประมาณ
1.      ผ่านการตรวจสอบภายใน  การควบคุมภายใน (Mind map manager)  ปีละ 2 ครั้ง
 เกณฑ์ด้านระบบบริการ
1.      ระบบบริการกับกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ  ได้แก่  กลุ่มผู้ป่วย Paliative  care  ผู้พิการ  ผู้สูงอายุ  ผู้ป่วยมะเร็ง   ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
2.      ระบบบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
3.   ระบบบริการส่งต่อและให้คำปรึกษา ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
4.   ระบบบริการเภสัชกรรม ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน                          
5.      ระบบบริการแพทย์แผนไทย ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
6.      ระบบ IC ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
เกณฑ์ด้านกลุ่มผู้รับบริการที่สำคัญ  (ตามกลุ่ม CANDO)
ลำดับ
ตัวชี้วัด
เป้าหมาย  (ร้อยละ)
ผลงาน
1
ร้อยละของหญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝากครรภ์ครั้งแรก หรือเท่ากับ 12สัปดาห์
ไม่น้อยกว่า 50
5๓.๒5
2
ร้อยละของหญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝากครรภ์ครบ 5 ครั้งตามเกณฑ์
ไม่น้อยกว่า 90
9.๓๐
3
ร้อยละของเด็ก 0-1 ปี ได้รับวัคซีน MMR
ไม่น้อยกว่า  95
100
4
ร้อยละของเด็กประถม 1 ได้รับการตรวจช่องปาก ไม่น้อยกว่า 85 และ
เคลือบหลุมร่องฟัน
ไม่น้อยกว่า 85
100
5
ร้อยละของสตรี 30-60 ปีที่ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสะสม
ถึงปี 2557
ไม่น้อยกว่า 30
3.๓๔
6
ร้อยละของประชาชนอายุมากกว่า 35 ปี ได้รับการคัดกรองเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง
ไม่น้อยกว่า 60
9.9
7
ผู้ป่วยเบาหวาน/ความดันได้รับการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน
ไม่น้อยกว่า 80
9.๖๕
8
ร้อยละของประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน / ความดันโลหิตสูงที่มีการปรับพฤติกรรม 3 อ. 2 ส. และลดเสี่ยง
ไม่น้อยกว่า 50
0.๕0

เกณฑ์มาตรฐานต่างๆ
1.      รพ.สต.บ้านป่ายาง มีสัดส่วน OP visit .๙๘ ที่ผ่านตามการประเมินมาตรฐาน Ontop payment (สัดส่วน OP visit  มากกว่า 0.88)
2.      รพ.สต. ผ่านเกณฑ์ขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิ
3.      รพ.สต.ผ่านเกณฑ์การประเมินมาตรฐาน Ontop payment
4.      รพ.สต.ผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพ IC
5.      รพ.สต.ผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพด้านยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา
6.      ความผาสุกและความพึงพอใจของบุคลากรโดยรวม  ระดับดี ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80
7.      จำนวนครั้งการจัดกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทีมสุขภาพ ไม่น้อยกว่า 6 ครั้ง/ปี
8.      อัตราการผ่านเกณฑ์หมู่บ้านจัดการสุขภาพ  ร้อยละ 100

ประเด็นความท้าทายการให้บริการสุขภาพ
           ความท้าทายเชิงการแข่งขัน พิจารณาจาก สภาพการแข่งขันภายในของส่วนราชการและจำนวน
คู่แข่งขันในแต่ละประเภทความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์

ความท้าทาย
เชิงยุทธศาสตร์
สิ่งที่ท้าทาย
ด้านพันธกิจ
รพ.สต.บ้านป่ายาง ดำเนินตามมาตรฐาน PCA พัฒนาคุณภาพการบริการ จัดการและคุณภาพบริการ การมีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพด้านพฤติกรรมสุขภาพ
ด้านปฏิบัติการ
- การบริหารงบประมาณโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ภายใต้งบประมาณที่จำกัด
- มีผลการปฏิบัติงานดีเด่นในระดับต่างๆ
ด้านทรัพยากรบุคคล
การบริหารบุคลากรให้เป็นนักวิชาการการพัฒนาการบริหารจัดการองค์ความรู้ด้านสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
ด้านบริการสุขภาพ
-การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของผู้ใช้บริการ ทั้งกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วย
-ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงคุณภาพบริการอย่างไม่มีอุปสรรค
-ภาคีเครือข่ายเป็นผู้นำในการสร้างสุขภาพ
-การลดปัญหาการเจ็บป่วย / ป่วยตายด้วยโรคอุบัติใหม่และอุบัติซ้ำ
- การปลุกจิตสำนึกสุขภาวะ ของผู้รับบริการ

๔. ระบบหรือแนวทางการปรับปรุงผลการดำเนินงาน  (เข็มมุ่ง และกลยุทธ์ที่จะไปถึงเป้าหมายที่กำหนด)
             พัฒนาให้ผ่านเกณฑ์ PCAและเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพระดับตำบลที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
    ความท้าทายที่สำคัญ
เป้าหมาย/วัตถุประสงค์
ตัวชี้วัดและผลลัพธ์
กิจกรรมพัฒนา
เป็นรพ.สต.ที่ได้มาตรฐานตามเกณฑ์มาตรฐาน  PCA
รพ.สต.บ้านป่ายาง
เป็นสถานบริการที่มีมาตรฐาน
ผ่านเกณฑ์มาตรฐานPCA
นำทีมพัฒนาให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานPCA

๕. ความภาคภูมิใจของหน่วยบริการปฐมภูมิ รพ.สต.บ้านป่ายาง
     1. การทำงานเป็นทีมร่วมกับภาคีเครือข่ายกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์วัดป่ายาง สมาชิกเทศบาลตำบลท่างิ้ว
   2. ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน รพ.สต.
   3. ผ่านเกณฑ์มาตรฐานขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิ
   4. ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ๕ ส
   5. ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน Ontop Payment
๖.โอกาสการพัฒนา( จุดอ่อน/อุปสรรค)ของหน่วยบริการปฐมภูมิ รพ.สต.บ้านป่ายาง
โอกาส
อุปสรรค
1.แกนนำ อสม. มีศักยภาพ/มีค่าตอบแทน/ มีกลุ่มชมรมต่างๆ ในพื้นที่
2.มีกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบล/มีแผนชุมชน/และเทศบาลสนับสนุนงบประมาณ
3.นโยบายรพ.สต./นโยบายรัฐบาลในการดูแลสุขภาพชัดเจน
4.ภาคีเครือข่ายให้ความร่วมมือดี ได้แก่ วัดป่ายาง, เทศบาล, โรงเรียน, อสม.เป็นต้น
5.มีระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานครบถ้วนทันสมัย
1.การบังคับใช้กฎหมายสาธารณสุขไม่ครอบคลุม
2.นโยบายการเมือง/ท้องถิ่น
.ค่านิยมทางสังคมเปลี่ยนไป ทำให้ประชาชนมีพฤติกรรมทางด้านสุขภาพที่ไม่เหมาะสม
.อัตราป่วยโรคเรื้อรังเพิ่มขึ้น
หมวด P ลักษณะสำคัญขององค์กร
ส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญมากที่องค์กรต้องเข้าใจตนเองว่ามีพันธกิจอะไร สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร ความท้าทายต่อการพัฒนาคืออะไร เพื่อให้รู้ว่าประเด็นสำคัญที่องค์กรควรต้องให้ความสนใจที่จำเพาะกับบริบทขององค์กรเป็นเรื่องอะไร
ส่วนนี้ถือว่าเป็นการประเมินตนเองเบื้องต้น หากโครงร่างองค์กรยังขาดข้อมูลสำคัญในบางเรื่อง หรือขัดแย้งกันเอง ก็ควรต้องพัฒนาส่วนนี้ให้สมบูรณ์ก่อนที่จะประเมินตนเองในรายละเอียดส่วนอื่นต่อไป

ลักษณะสำคัญขององค์กร
              ให้พิจารณา และวิเคราะห์สภาพแวดล้อมในการปฏิบัติภารกิจของหน่วยบริการ
ปฐมภูมิและความสัมพันธ์ที่สำคัญกับประชาชน ผู้รับบริการ ภาคีเครือข่ายสุขภาพ
1.1  ลักษณะพื้นฐานของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายบริการปฐมภูมิ
              หน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายบริการปฐมภูมิ มีทิศทาง แนวทางการให้บริการ บุคลากร เทคโนโลยี  และกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับที่สำคัญ ไว้เป็นลายลักษณ์อักษรที่สามารถตรวจสอบได้  มีอะไรบ้าง
ก.      พันธกิจหรือบทบาทหน้าที่
วิสัยทัศน์   เป็นเครือข่ายสถานบริการสาธารณสุขที่เป็นเลิศด้านบริหาร บริการ และสร้างเสริมการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบสุขภาพภายในปี ๒๕๖๐


พันธกิจหรือบทบาทหน้าที่
1.  พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ
          2.  พัฒนาระบบการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์
 3.  พัฒนาศักยภาพบุคลากร
      4.  พัฒนาการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย
กลยุทธ์
1.      พัฒนาศักยภาพของบุคลากร
2.      พัฒนาคุณภาพระบบบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพ
3.      ส่งเสริมให้ประชาขนมีส่วนร่วมในการดูแลสุขภาพ ตนเอง  ครอบครัวและชุมชนโดยจัดเวทีให้มีการแสดงความคิดเห็นและค้นหาปัญหาร่วมกัน   เพื่อจัดทำแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์
4.      พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพ

เป้าประสงค์
1.      เพื่อให้สถานบริการได้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล
2.      เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ในทุกๆ ด้าน
3.      เพื่อพัฒนาระบบงานวิชาการ    เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพการบริการ

เป้าประสงค์ระยะยาว  
ประชาชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบมีสุขภาพแข็งแรง             
ตัวชี้วัดที่สำคัญ
1.ตัวชี้วัดที่สำคัญ   ตามกลุ่ม  CANDO
ลำดับ
ตัวชี้วัด
เป้าหมาย
(ร้อยละ)
1
ร้อยละของหญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝากครรภ์ครั้งแรก หรือเท่ากับ 12 สัปดาห์
ไม่น้อยกว่า 60
2
ร้อยละของหญิงตั้งครรภ์ได้รับการฝากครรภ์ครบ 5 ครั้งตามเกณฑ์
ไม่น้อยกว่า 90
3
ร้อยละของเด็ก 0-2 ปี ได้รับวัคซีน MMR
ไม่น้อยกว่า  95
4
ร้อยละของเด็กประถม 1 ได้รับการตรวจช่องปาก ไม่น้อยกว่า 85 และเคลือบหลุมร่องฟัน
ไม่น้อยกว่า 30
5
ร้อยละของสตรี 30-60 ปีที่ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสะสมถึงปี 2557
ไม่น้อยกว่า 80
6
ร้อยละของประชาชนอายุมากกว่า 15 ปี ได้รับการคัดกรองเบาหวาน/ความดันโลหิตสูง
ไม่น้อยกว่า 90
7
ผู้ป่วยเบาหวาน/ความดันได้รับการตรวจคัดกรองภาวะแทรกซ้อน
ไม่น้อยร้อยละ 80
8
ร้อยละของประชาชนกลุ่มเสี่ยงโรคเบาหวาน / ความดันโลหิตสูงที่มีการปรับพฤติกรรม 3 อ 2 ส และลดเสี่ยง
ไม่น้อยกว่า 50
2. สัดส่วน OP visit  มากกว่า 0.88
 3.  ผ่านเกณฑ์ขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิ
 4.  ผ่านเกณฑ์การประเมินสมบูรณ์แบบ 4 ด้าน (เกณฑ์การประเมิน  Ontop)  
 5.  ผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพด้าน IC
 6.  ผ่านเกณฑ์การประเมินคุณภาพด้านยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา
 7.  ความผาสุกและความพึงพอใจของบุคลากรโดยรวม ระดับดี ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 80
 8.  จำนวนครั้งการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทีมสุขภาพ ไม่น้อยกว่า 6 ครั้ง / ปี
 9.  อัตราการผ่านเกณฑ์หมู่บ้านจัดการสุขภาพ  ร้อยละ  100
เข็มมุ่งขององค์กรปี 2555
          1. การจัดบริการสุขภาพที่มีคุณภาพมาตรฐาน
          2. จัดระบบการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุม โรคไม่ติดต่อเบาหวาน ความดันโลหิตสูงให้มีประสิทธิภาพ
          3. การจัดการสุขภาพในชุมชนแบบมีส่วนร่วม
          4. การพัฒนาประสิทธิภาพระบบบริการจัดการและระบบบริการบนพื้นฐานขององค์กรแห่งการเรียนรู้

วัฒนธรรมองค์กร         
1. ให้บริการตามมาตรฐานวิชาชีพโดยยึดผู้รับบริการเป็นศูนย์กลาง
2. ให้บริการด้วยหัวใจแห่งความเป็นมนุษย์
3. ให้บริการผู้มาติดต่อราชการ  ให้ได้รับความสะดวก  รวดเร็วเป็นอย่างดี  และต้อนรับ
   ด้วยรอยยิ้ม  พูดจาไพเราะกับทุก  ๆ  ท่าน
          4. ทำงานโดยยึดหลักการทำงานเป็นทีม และเคารพมติส่วนใหญ่
          5. เมื่อมาปฏิบัติงานพบหน้ากันจะยิ้มไหว้ ทักทายสวัสดีกัน
          6. ให้ความร่วมมือในการเข้าร่วมประชุม / ทำกิจกรรม / โครงการต่างๆ
          7. การแต่งกายสุภาพ เหมาะสม ถูกต้องตามข้อตกลงขององค์กร
          8. ให้ความร่วมมือในการประหยัดพลังงาน
9. ชื่นชมคนดี
ค่านิยมขององค์กร       
    1.  การศึกษาเรียนรู้ตลอดชีวิต
    2.  เศรษฐกิจพอเพียง
    3.  การทำงานเป็นทีม
     4.  การมีส่วนร่วมในชุมชน


ข. สภาพโดยรวมที่สำคัญของทีมสุขภาพโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายาง 
          การบริหารจัดการหน่วยบริการปฐมภูมิ ประกอบด้วยคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ทีมสุขภาพ ปฏิบัติงานทั้งในและนอกหน่วยบริการอย่างประสานเชื่อมโยง  มีการประชุมและจัดทำแผนพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพร่วมกัน

สายงาน
คนที่
ตำแหน่ง
วุฒิการศึกษา
อายุ
อายุราชการ
บริหาร

1.นายสมบัติ กำจรฤทธิ์
นวก.สาธารณสุข
ชำนาญการ
(ผอ.รพ.สต.)
สาธารณสุขศาสตร์บัณฑิต
๕๖
๓๔
รักษาพยาบาล
1.นางศาธนา  มูประสิทธิ์

พยาบาลวิชาชีพ
ชำนาญการ
พยาบาลศาสตร์บัณฑิต
เวชปฏิบัติ
๔๐
๒๐
หมายเหตุ ใช้ข้อมูลปฏิบัติงานจริง ณ. วันที่ ๓๐  เดือน  กันยายน  พ.ศ.255
·       เทคโนโลยี อุปกรณ์ สิ่งอำนวยความสะดวกที่สำคัญในการให้บริการและการปฏิบัติงานขององค์กรที่เหมาะสม และปลอดภัย
          โดยหน่วยบริการปฐมภูมิในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชทุกแห่งมีความพร้อมในการใช้งานคอมพิวเตอร์ และระบบสื่อสารอินเตอร์เน็ต เพื่อรับรองการบริการสุขภาพ และประมวลผล โดยมีโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้งานที่สำคัญ ดังนี้
          1.โปรแกรมระบบฐานข้อมูลสถานีอนามัย   (JHCIS)  เป็นโปรแกรมที่มีความสำคัญในระบบข้อมูลสารสนเทศ ระดับ  รพ.สต./PCU มาก เก็บข้อมูลประชาชนทุกคน ข้อมูลบริการสุขภาพ  และสามารถประมวลผลออกมาในรูปรายงานผลการดำเนินงาน  สามารถส่งออกข้อมูล 21 แฟ้มมาตรฐาน  เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของ รพ.สต. และจัดสรรการสนับสนุนทรัพยากรให้ รพ.สต.ได้ ซึ่งตอบสนองการวิเคราะห์ข้อมูลพันธกิจ  ข้อ 1. พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ    และ ข้อ  2. พัฒนาระบบการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์  พบว่า  รพ.สต.บ้านปากนครมีระดับการใช้งานระดับดีมาก
          2.โปรแกรม NCD Screen ตอบสนองพันธกิจข้อ 1 เป็นโปรแกรมที่ร่วมใช้ฐานข้อมูลกับ JHCIS
ใช้บันทึกผลการคัดกรองสุขภาพประชาชน อายุ 15 ปีขึ้นไป  สามารถวิเคราะห์ข้อมูล จำแนกความรุนแรง ความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ  ความดันโลหิตสูง  เบาหวาน  ประโยชน์ในการดูแลสุขภาพกลุ่มความเสี่ยงโรคเรื้อรังซึ่งตอบสนองการวิเคราะห์ข้อมูลพันธกิจข้อ 1. พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ   
          3.โปรแกรมคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (CxS2010)  ตอบสนองพันธกิจข้อ 1 พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ  เป็นโปรแกรมที่ใช้บันทึกการตรวจมะเร็งปากมดลูก แก่สตรีอายุ 30 -60 ปี  เพื่อประมวลผลการคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และใช้ติดตามผลหากผู้มีความผิดปกติเพื่อรับบริการดูแลรักษาต่อไป       
4.โปรแกรมคัดกรองภาวะซึมเศร้า (Depression)  ตอบสนองพันธกิจข้อ 1 พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ  เป็นโปรแกรมไว้ใช้บันทึกการบริการคัดกรองปัญหาด้านสุขภาพจิตแก่ผู้สูงอายุ จำแนกระดับความเสี่ยง ส่งต่อรักษาด้วยแพทย์ต่อไป   รพ.สต.บ้านป่ายาง  มีบันทึกข้อมูล
          5.โปรแกรมงานระบาดวิทยา (R 506)   ตอบสนองพันธกิจข้อ 1 พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ  เป็นโปรแกรมที่ใช้บันทึกผู้ป่วยที่ป่วยด้วยโรคที่ต้องเฝ้าระวังโดยร่วมใช้ข้อมูลจาก JHCIS  และประมวลผลรายงานสถิติการเจ็บป่วยได้  ประเด็นการพัฒนา  ขาดความครบถ้วนการบันทึกข้อมูล
          6.โปรแกรมการแพทย์แผนไทย ตอบสนองพันธกิจข้อ  พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ    เป็นโปรแกรมที่ใช้บันทึกผลการให้บริการการแพทย์แผนไทยต่อไป     ประเด็นการพัฒนา  ขาดความชัดเจนการบันทึกข้อมูลและอบรมผู้สั่งการรักษา
          7.โปรแกรมรายงาน  0110 รง.5 ตอบสนองพันธกิจข้อ 1 พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ เป็นโปรแกรมรายงานสนับสนุนและตรวจสอบการดำเนินงานของหน่วยงาน   รพ.สต.บ้านป่ายางมีการบันทึกรายงาน 0110 รง.ประเด็นการพัฒนา  ขาดความครบถ้วนการบันทึกข้อมูล
          8. ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์  (GIS)  ตอบสนองพันธกิจข้อ   1  พัฒนา รพ.สต.ได้มีระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์  (GIS)  ใช้ 
          9.ระบบโทรศัพท์ ตอบสนองพันธกิจข้อ   1  พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ รพ.สต.บ้านป่ายางมีโทรศัพท์พื้นฐานใช้ 
          10.ระบบ Internet และ Blogger: รพ.สต.บ้านป่ายาง ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ตอบสนองพันธกิจข้อ 1 พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ   รพ.สต.บ้านป่ายางมีระบบ Internet  ไร้สาย Willet  ของ  TRU

อุปกรณ์เครื่องมือ มีการสำรวจวัสดุครุภัณฑ์ เครื่องมือที่จำเป็นใน PCU โดยทบทวนจาก PCU Profile    ใช้แบบประเมินตนเอง  การขึ้นทะเบียนหน่วยบริการปฐมภูมิ  การตรวจประเมินคุณภาพงาน 36 ระบบ  (ด้านส่วนขาดความพร้อมในระบบต่างๆ) การประเมินความพร้อมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และการจัดบริการสุขภาพที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนเป็นหลักเพื่อบรรลุเป้าประสงค์ข้อ 3  CUP สนับสนุนทรัพยากรให้ PCU มีความพร้อมในการจัดบริการสุขภาพ  ตอบสนองพันธกิจข้อ 3     ในการพิจารณานำข้อมูลใช้ในการวางแผนงบลงทุนใน  ปี 2555        โดยมีรายละเอียดดังนี้
          1.  มีคอมพิวเตอร์ใช้ดำเนินงานสาธารณสุข มี Note book   และมีเครื่องสแกน พรินเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร กล้องดิจิตอล โทรศัพท์ และโทรสาร 
          2.  มีอุปกรณ์และชุดเครื่องมือตรวจสอบอย่างง่าย  เช่น  เครื่องวัดความดันโลหิตสูงแบบดิจิตอล,   ชุดตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด   ชุดตรวจเกลือไอโอดีน,  จุดตรวจสารปนเปื้อนในอาหาร
          3.  เครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์   เช่น เครื่องปั่นฮีมาโตคริท, กล้องจุลทรรศน์

สิ่งอำนวยความสะดวก 
1.  สิ่งอำนวยความสะดวกต่อผู้รับบริการ  เช่น   เช่น เก้าอี้รอตรวจ,รถเข็นนั่ง,ไม้ค้ำยัน, พัดลม,
เครื่องปรับอากาศ,อาคารสถานที่,เตียงตรวจโรค,เตียงตรวจภายใน ,จุดบริการน้ำดื่ม
          2.  สิ่งอำนวยความสะดวกต่อผู้ให้บริการ เช่น รถยนต์ประชาสัมพันธ์,รถจักรยานยนต์, ,วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์,กระเป๋าเยี่ยมบ้าน,โทรศัพท์มือถือ,หอกระจายข่าว เป็นต้น

สถานที่ 
          1. งานแพทย์แผนไทย  ได้จัดเป็นสัดส่วนแยกจากการให้บริการทั่วไป ทำให้สะดวกต่อการให้บริการ
          2. มีลานจอดรถ ทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยขณะมาใช้บริการ
          ๓.ห้องประชุม รองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ ๓๐ คน
 กฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับที่ใช้และเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงาน

กฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ
เนื้อหาสาระสำคัญของกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ
ส่วนราชการที่เป็นผู้รักษากฎหมาย
1.พ.ร.บ.การ
สาธารณสุข
พ.ศ.2535
คุ้มครองด้านสุขลักษณะและการอนามัยสิ่งแวดล้อมหรือ การสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมซึ่งครอบคลุมทั้งกิจกรรม การกระทำทุกอย่าง และกิจการประเภทต่างๆที่มีผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อม และสุขภาพอนามัยของประชาชนตั้งแต่ระดับชาวบ้าน ครัวเรือน ชุมชน ตลอดจนกิจการขนาดเล็ก ขนาดใหญ่

กระทรวงสาธารณสุข
(กรมอนามัย)
2. พ.ร.บ.ผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546
ให้ผู้สูงอายุได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ โดยได้รับความคุ้มครองทุกด้านเพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครองการส่งเสริมและการสนับสนุนต่อสิทธิและประโยชน์ของผู้สูงอายุเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
3 .พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545
กำหนดขั้นตอนและกระบวนการในการให้บริการรับส่งต่อผู้ป่วยจากหน่วยงานในระบบบริการสาธารณสุขปฐมภูมิ และทุติยภูมิตลอดจนการเบิกจ่ายงบประมาณที่เกิดจากการให้บริการนั้น

กระทรวงสาธารณสุข
กระทรวงแรงงาน
4. พ.ร.บ.ข้อมูล ข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540
ส่วนราชการต้องเปิดเผยระบบข้อมูล ข่าวสาร ส่วนบุคคลของผู้รับบริการ ในกรณีที่ได้รับการ
ร้องขอ
สำนักนายกรัฐมนตรี
5. พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535
ควบคุมวัตถุที่ก่อให้เกิดอันตรายให้ครอบคลุมวัตถุอันตรายต่าง ๆ ทุกชนิด และกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการ ในการควบคุมวัตถุอันตรายให้เหมาะสม พร้อมกับจัดระบบบริหารให้มีการประสานงานกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมดูแลวัตถุอันตราย
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
6. ระเบียบกระทรวง การคลังว่าด้วยการควบคุมสัญญาเช่าซื้อ พ.ศ. 2545
-  ระเบียบว่าด้วยการควบคุมสัญญาเช่าซื้อ  และสัญญากู้ยืมเงินเพื่อชำระราคาบ้านที่ค้างชำระอยู่  เพื่อสิทธิในการเบิกค่าเช่าบ้านข้าราชการ พ.ศ. 2545
กระทรวงการคลัง
กฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ
เนื้อหาสาระสำคัญของกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ
ส่วนราชการที่เป็นผู้รักษากฎหมาย
7. แผนการบริหารราชการแผ่นดิน
-  กรอบการดำเนินงานเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาล
-  พระรากฤษฎีกาว่าด้วยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546  ในมาตรา 16และมาตรา 14
-  ประเด็นยุทธศาสตร์หลักซึ่งรัฐบาลมุ่งเน้นให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

รัฐบาล
8.ระเบียบกระทรวงการคลัง พ.ศ. 2538  ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินสวัสดิการเกี่ยวกับการศึกษาบุตร
หมวด  1  การใช้สิทธิ
หมวด  2  การยื่นขอเบิกเงิน
หมวด 3  การรับรองการใช้สิทธิและการ อนุมัติ
หมวด  4  การเบิกและจ่ายเงิน


9.ระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ  พ.ศ.  2548
หมวด  1  การจัดทำและการปรับปรุงแผนการปฏิบัติงาน และแผนการจ่ายงบประมาณ
หมวดที่  2  การจัดสรรงบประมาณรายจ่าย
หมวดที่  3  การใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่าย


10.  ระเบียบหลักประกันสุขภาพและแก้ไขถึงฉบับที่  3  พ.ศ.  2544
หมวดที่  1  ความรู้ทั่วไป
หมวดที่  2  คณะกรรมการ
หมวดที่  3  การขึ้นทะเบียนและออกบัตร
หมวดที่  4  การรับการบริการทางการแพทย์
หมวดที่  5  หน่วยบริการและมาตรฐานการให้บริการทางการแพทย์
สปสช.
11.  ข้อบังคับการจ่ายเงินค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้หน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข  พ.ศ.  2544
-  ค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
-  ค่าตอบแทนการปฏิบัติงานในคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ
-  ค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานเวรผลัดหรือผลัดบ่าย  และ/หรือผลัดดึกของพยาบาล
-  ค่าตอบแทนพิเศษสำหรับแพทย์สาขาส่งเสริมพิเศษ
-  ค่าตอบแทนเบี้ยเลี้ยงเหมาจ่ายสำหรับแพทย์  ทันตแพทย์  เภสัชกร  และพยาบาลวิชาชีพ 

กระทรวงสาธารณสุข
กฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ
เนื้อหา าระสำคัญของ กฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ
ส่วนราชการที่เป็น
ผู้ออก

ที่ปฏิบัติงานในโรงพยาบาลชุมชน  และพยาบาล
วิชาชีพที่ปฏิบัติงานในสถานีอนามัย

12.  ระเบียบเงินบำรุงของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่  2 พ.ศ.  2544)


-  ระเบียบกระทรวงสาธารณสุข  ว่าด้วยเงินบำรุงของหน่วยบริการในสังกัดกะทรวงสาธารณสุข
-  หลักเกณฑ์  วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินบำรุง  เพื่อการปฏิบัติราชการของหน่วยบริการอื่น
-  หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการจ่ายเงินบำรุง  เพื่อเป็นค่าบริการทางการแพทย์  ให้หน่วยบริการอื่น
-  หลักเกณฑ์  วิธีการ  เงื่อนไข  การจ่ายเงินบำรุงเพื่อการซ่อมแซม  ต่อเติม  ปรับปรุงบ้านพัก  หรืออาคารที่พักหรือเพื่อซื้อครุภัณฑ์ที่ดิน  สิ่งก่อสร้างและยานพาหนะของหน่วยบริการในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข  พ.ศ.  2544
กระทรวงการคลัง
13. พ.ร.บ.การสาธารณสุข ปี 2535

หมวดที่ 1 บททั่วไป  
หมวดที่ 2 คณะกรรมการสาธารณสุข
หมวดที่ 3 การกำจัดสิ่งปฏิกูลและมูลฝอย
หมวดที่ 4 สุขลักษณะของอาคาร
หมวดที่ 5 เหตุรำคาญ



หมายเหตุ : ส่วนราชการที่เป็นผู้รักษากฎหมายหมายถึงส่วนราชการที่เป็นผู้วินิจฉัยหรือตีความในกรณีที่มีปัญหาในการดำเนินการตามกฎหมายนั้นๆ















1.2 ความสัมพันธ์ภายในและภายนอกหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายบริการปฐมภูมิ รวมทั้งภาคีเครือข่ายสุขภาพ (ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย)

ก.      โครงสร้างขององค์กร

 

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด                                                                                        


CUP./รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช
 

สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ

 





                       
                                                                                
 


โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล



 
 


























   โครงสร้างงานขององค์กร
 


































ส่วนราชการหรือองค์กรที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกัน  ภายในหน่วยงาน

ส่วนราชการ /
องค์กรที่เกี่ยวข้อง
บทบาทหน้าที่ในการ
ปฏิบัติร่วมกัน
ข้อกำหนดที่สำคัญในการ
ปฏิบัติงานร่วมกัน
แนวทางและวิธีการ
สื่อสารระหว่างกัน
1.  รพ.สต.
     รพ.

1. จัดทำแผนปฏิบัติงานและแผน
     งบประมาณร่วมกัน
2. ประสานขอข้อมูล
3. ชี้แจง, ให้คำแนะนำ, เป็นที่
    ปรึกษา, แก้ไขปัญหา
4. เป็นวิทยากร
5.ขอสนับสนุนเอกสาร,เวชภัณฑ์
6.เบิกจ่ายวัสดุ/อุปกรณ์/เครื่องใช้
    สำนักงาน
7.ร่วมปฏิบัติงานหรือสนับสนุนการ
    ปฏิบัติงาน
8.แลกเปลี่ยนประสบการณ์


1.ประชุมวางแผนร่วมกันทุกเดือน
2.มีกฎระเบียบและวิธีการปฏิบัติ
   ร่วมกันภายในองค์การ
3.มีแผนงาน/โครงการ
4.มีตัวชี้วัดความสำเร็จของงาน
5.มีรายงานแผนและผลการดำเนินงาน
   ตามไตรมาส


1.โทรศัพท์ ,E mail
2. ติดต่อด้วยตนเอง
3.ส่งเจ้าหน้าที่มาติดต่อ
4.ประชุมชี้แจง
5.หนังสือราชการ/
   บันทึกแจ้งเวียน
6.ประชาสัมพันธ์/เสียง
   ตามสาย
7. บรรยาย
8.ประชุมเชิงปฏิบัติการ























ส่วนราชการหรือองค์กรที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกัน  ภายนอกหน่วยงาน

ส่วนราชการ /องค์กรที่เกี่ยวข้อง
บทบาทหน้าที่ในการปฏิบัติร่วมกัน
ข้อกำหนดที่สำคัญในการ
ปฏิบัติงานร่วมกัน
แนวทางและวิธีการ
สื่อสารระหว่างกัน
1.กระทรวงสาธารณสุข
·        สสจ.
·        รพศ.
·        รพท
·        สสอ.
·        ศสมช.
·        สคร.
·        สถาบันการศึกษา
·        สำนักงานป้องกันควบคุมโรค
·        ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ
·        กรมวิทยาศาสตร์
                การแพทย์


1. ประสานงานในการดูแลสุขภาพทั้งด้านส่งเสริม,ป้องกัน,รักษา,
ฟื้นฟู
2.สนับสนุนการดำเนินงาน
3. ศึกษาวิจัยในพื้นที่เพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ในการป้องกันควบคุมโรค/ภัยสุขภาพ
4.ควบคุม/กำกับ/ติดตามประเมินผล

1.นโยบายของกระทรวงสาธารณสุข
2.ยุทธศาสตร์ของจังหวัด

1. ประชุมชี้แจง
2.ทางหนังสือราชการ
3.สื่อทางอิเลคทรอนิคส์
4.นิเทศแนะนำ
5.ร่วมดำเนินงานภาคสนาม

2.กระทรวงศึกษาธิการ
·        โรงเรียน


1. มีส่วนในการดำเนินงานป้องกันส่งเสริมสุขภาพ
2. เป็นแหล่งฝึกอบรมนักเรียน
3. เป็นแหล่งศึกษา ค้นคว้า วิจัย
1.ร่วมเป็นเครือข่ายในการดำเนินงาน
2.แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนางานอย่างต่อเนื่อง

1.ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน
2.หนังสือราชการ
3.ข้อตกลงตามนโยบายระหว่างกระทรวง

3.กระทรวงมหาดไทย

·        องค์การปกครอง* ส่วนท้องถิ่น
·        ที่ว่าการอำเภอ




1.เป็นเครือข่ายร่วมดำเนินงานในการส่งเสริมสุขภาพ
2.เป็นเครือข่ายร่วมในการจัดทำแผนงานโครงการ
1.เป็นองค์กรเครือข่ายในการปฏิบัติงาน

1.ประชุมร่วมกัน
2.หนังสือราชการ

ส่วนราชการ /องค์กรที่เกี่ยวข้อง
บทบาทหน้าที่ในการปฏิบัติร่วมกัน
ข้อกำหนดที่สำคัญในการ
ปฏิบัติงานร่วมกัน
แนวทางและวิธีการ
สื่อสารระหว่างกัน
4.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
* สายตรวจ  ตำบลท่างิ้ว
1.เป็นเครือข่ายร่วมดำเนินงานในการส่งเสริมสุขภาพ
2.เป็นเครือข่ายในการจัดทำแผนงานโครงการ
1.เป็นองค์กรเครือข่ายในการปฏิบัติงาน

1.ประชุมร่วมกัน 
2.หนังสือราชการ
3.เอกสาร              
4.โทรศัพท์
5.โทรสาร            
6.E-mail
5.สำนักงบประมาณ

1.จัดสรรงบประมาณ

1.ความถูกต้องตามระเบียบการจัดสรร

1.ผ่านระบบ Evaluation Management Information System (EvMIS) เสนอแผน1 ครั้งต่อปี รายงานทุกเดือน
2.รายงานเป็นเอกสารทุก 3 เดือน
6.กรมบัญชีกลาง/คลังจังหวัด

1.จ่ายเงิน

2.ความถูกต้องตามระเบียบการเบิกจ่าย

1.ผ่านระบบ Government Financial Management Information System-GFMIS
2. รายงานเอกสารทางการเงินทุกเดือน และทุกครั้งที่มีการเบิกจ่าย
7.สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ   (สำนักงาน ก...)
1.กำกับคุณภาพการบริหารจัดการ

2.ตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ

1.ผ่านระบบการรายงานผลการปฏิบัติราชการ6 / 9 / 12 เดือน
2.รายงานผลการพัฒนาระบบราชการ ปีละครั้ง
9.สภาวิชาชีพ
(จิตแพทย์ พยาบาล
นักจิตวิทยา และ
นักสังคมสงเคราะห์)
1.ควบคุมกำ กับมาตรฐาน วิชาชีพในการปฏิบัติงานให้บริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วย
2.การขึ้นทะเบียนวิชาชีพ
1.ความถูกต้องเชิงจริยธรรม /จรรยาบรรณ วิชาชีพในการปฏิบัติงาน

1.ผ่านหนังสือราชการ
2.ผ่านระบบการจัดการกับเรื่องร้องเรียน

10.สำนักงานหลักประกัน
สุขภาพแห่งชาติ
(สปสช.)
1.ควบคุมการใช้จ่ายตามระบบประกันสุขภาพ

1.ความถูกต้องของการเบิกจ่ายตามระบบประกันสุขภาพ
1.ผ่านระบบการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล








แนวทางและวิธีการสื่อสารกับภาคีเครือข่ายสุขภาพและกลุ่มผู้รับบริการ
ที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีในการปฏิบัติงาน
กลุ่มผู้รับบริการ

บริการที่ให้ความต้องการ/
ความคาดหวัง
ความต้องการ/
ความคาดหวังบริการจากหน่วยบริการปฐมภูมิที่สอดคล้องกับความต้องการ/ความคาดหวัง
แนวทางและวิธีการสื่อสารที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีในการปฏิบัติงาน ต่อความต้องการและความคาดหวังของกลุ่มต่างๆ
1.ผู้รับบริการ ญาติและประชาชนในพื้นที่
1. บริการด้านการส่งเสริมสุขภาพ
2. บริการด้านการป้องกันโรค
3. บริการด้านการรักษาโรค
4. บริการด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพ
1.การรักษาที่ดี หายจากโรค
2. คำแนะนำเกี่ยวกับการปฏิบัติตัวที่ครอบคลุม ชัดเจน
3.การแนะนำเกี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่และแนวทางการรักษา
4.การออกเยี่ยมบ้าน การสนับสนุนด้านสุขภาพ
1. แจ้งด้วยตนเอง
2. แผ่นพับ
3. หอกระจายข่าว
4. อสม.
5. โทรศัพท์
6. website  internet

2. ประชากรตามกลุ่มอายุ
-  อายุ 0-5 ปี
- 6 – 14  ปี
- 15 – 59 ปี
60 ปีขึ้นไป
-  ผู้พิการ
- กลุ่มโรคเรื้อรัง  -  ติดต่อ

·        การดูแลทั้ง 4 มิติ
·        ได้รับบริการที่ปลอดภัย/ครบชุด
·        รวดเร็ว  / ฟรี /ครอบคลุมบริการ
·        การให้คุณค่า
·        ได้รับข้อมูลชัดเจน  มั่นใจ เชื่อถือได้

·        เอาใจใส่
·        เป็นกันเอง เป็นที่ไว้วางใจ เชื่อใจ
·        ติดตามดูแล  อย่างต่อเนื่อง
·        การออกเยี่ยมบ้าน การสนับสนุนด้านสุขภาพ
·        การให้กำลังใจ และที่ปรึกษา

1. แจ้งด้วยตนเอง
2. แผ่นพับ
3. หอกระจายข่าว
4. อสม.
5. โทรศัพท์
6. website  internet


1.  เทศบาลต.ท่างิ้ว
2. วัด
3. อาสาสมัครสาธารณสุข

4. โรงเรียน

1.ประสานงาน,ขอความร่วมมือ

1.ตรวจสุขภาพพระสงฆ์,ใช้สถานที่
1.อบรมให้ความรู้,ประสานงาน,อุปกรณ์  เวชภัณฑ์
2.พัฒนา ศสมช.
1.ตรวจสุขภาพนักเรียน,ฉีดวัคซีน

แนวทางการดำเนินงานที่ชัดเจน เช่น
-  การบริการทางการแพทย์ฉุกเฉิน 
 - การสนับสนุนด้านวิชาการจาก
เจ้าหน้าที่ของ รพ.สต.
- การสนับสนุนเวชภัณฑ์ยาและมิใช่ยา
- งบประมาณ
1.หนังสือราชการ
2.โทรศัพท์
3.Web site
4. การประชุมกลุ่ม / ประชาคมชาวบ้าน
กลุ่มผู้รับบริการ

บริการที่ให้ความต้องการ/
ความคาดหวัง
ความต้องการ/
ความคาดหวังบริการจากหน่วยบริการปฐมภูมิที่สอดคล้องกับความต้องการ/ความคาดหวัง
แนวทางและวิธีการสื่อสารที่ทำให้เกิดความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีในการปฏิบัติงาน ต่อความต้องการและความคาดหวังของกลุ่มต่างๆ
5.  ประชาชนทั่วไป(นอกเขตบริการ)
6.  คลินิกเอกชน และหน่วยกู้ภัย

1. บริการด้านการส่งเสริมสุขภาพ,ป้องกันโรค,ด้านการรักษาโรค,ฟื้นฟูสภาพ
































การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย  Stakeholder

ตัวแปร
สถานการณ์ / แนวโน้ม

ผลกระทบ
ความท้าทายเชิงกลยุทธ์
เทศบาลตำบล
ท่างิ้ว
   งบประมาณต่างๆ จัดสรรลงที่    
  เขต เทศบาลตำบลท่างิ้ว
 - นโยบายเปลี่ยนแปลงตามนโยบายนักการเมือง ( - )
 - ความล่าช้าของการอนุมัติงบประมาณ ( - )
 - ประชาชนได้รับการดูแลไม่ครอบคลุม ( - )
 - มีการประสานความร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(+)
 - แกนนำชุมชน สอบต. อสม. ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วม(+)
 - พัฒนาภาคีเครือข่ายให้มีความร่วมมือและเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก
 - การบูรณาการทุกภาคส่วน
 - การสร้างสัมพันธ์ภาพที่ดีระหว่างหน่วยงานในชุมชน
คลินิกเอกชน
- ประชาชนที่มีฐานะดีไปใช้บริการ คลินิกเอกชน เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และในเวลาที่จำเป็น ฉุกเฉิน
 - ลดภาระงานของเจ้าหน้าที่ ( + )
 - ระบบการเฝ้าระวังโรคไม่ได้รับการรายงาน
(-)
- จัดระบบการเฝ้าระวังโรคที่มีมาตรฐาน
 - หน่วยงานภาครัฐพัฒนาสถานบริการให้ได้เกณฑ์มาตรฐาน
หน่วยกู้ภัยในตำบล
- มีส่วนในการช่วยรับส่งผู้ป่วยฉุกเฉิน และบริจาคเงิน วัสดุการแพทย์
- มีการดำเนินกิจกรรมทางด้านช่วยเหลือสังคมเพิ่มขึ้น
 - แบ่งเบาภาระงานของเครือข่ายในการรับ ส่งผู้ป่วย และการดำเนินกิจกรรมด้านสาธารณสุข(+)
 - ให้บริการยามฉุกเฉิน แก่ผู้ป่วยที่ต้องการความช่วยเหลือ(+)
 - อันตรายจากผู้ขับขี่รถกู้ภัย ที่มีความประมาท (-)
 - พัฒนาเครือข่าย EMS ให้มีประสิทธิภาพ
 -บูรณาการแผนงานร่วมกัน
 - ประชาชนได้ใช้บริการทั่วถึง













2.  ความท้าทายที่สำคัญของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายบริการปฐมภูมิ
             หน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายบริการปฐมภูมิ ต้องวิเคราะห์สถานการณ์ สภาพการแข่งขัน และผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เปรียบเทียบกับพันธกิจ กำหนดประเด็นท้าทายที่สำคัญความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์  เพื่อใช้ในการพัฒนา และการปรับปรุงผลการดำเนินการที่สำคัญในการยกระดับองค์กร ดังต่อไปนี้
2.1 การเปรียบเทียบเพื่อการพัฒนา
             หน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายบริการปฐมภูมิ ต้องมีการวิเคราะห์สถานการณ์ พิจารณาว่าองค์กรอยู่ที่ลำดับใดในส่วนการแข่งขัน หรือมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาสุขภาพของประชาชนในพื้นที่มากน้อยเพียงใด อย่างไร และแนวโน้มเป็นอย่างไร มีปัจจัยสำคัญอะไรที่เกี่ยวข้อง หน่วยงาน/บุคคลอื่นที่มีผลต่อบริการสุขภาพเป็นอย่างไร และกำหนดประเด็นสำคัญที่จะปรับปรุง โดยเปรียบเทียบกับภารกิจของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายบริการปฐมภูมิ หรือจัดระดับเทียบเคียง (Benchmarking) กับหน่วยงานที่มีลักษณะบริการคล้ายคลึงกัน เพื่อการปรับปรุงพัฒนาองค์กรให้สอดคล้องทันต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ทั้งนี้การเปรียบเทียบดังกล่าวต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง เป็นจริง สามารถแสดงได้อย่างชัดเจน

2.2ความท้าทายเชิงกลยุทธ์
หน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายบริการปฐมภูมิ  จัดระดับประเด็นความสำคัญของการปรับปรุงและพัฒนาองค์กร  มากำหนดเป็นความท้าทายเชิงกลยุทธ์ เป้าหมาย และระยะเวลาในการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ที่สอดคล้องกับ 3 องค์ประกอบดังนี้
          ความท้าทาย หมายถึง สิ่งที่หน่วยบริการปฐมภูมิ จะต้องดำเนินการให้บรรลุพันธกิจที่กำหนดไว้
ก.ความท้าทายเพื่อให้บรรลุผลตามพันธกิจของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายบริการปฐมภูมิ ที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย

ด้านพันธกิจ
ผลตามเป้าหมาย
1.  พัฒนา รพ.สต.ได้มาตรฐานชั้นนำ

2. พัฒนาระบบการบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์
3.  พัฒนาศักยภาพบุคลากร
4.  พัฒนาการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่าย
ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน On Top Payment   
ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน PCA  ขั้นที่
ผ่านเกณฑ์ มีการบริหารงบประมาณอย่างมีคุณภาพภายใต้งบประมาณจำกัด
ผ่านเกณฑ์พัฒนาศักยภาพบุคลากร
ผ่านเกณฑ์ มีการจัดตั้งคณะทำงาน และกรรมการพัฒนา
รพ.สต.บ้านปากนคร





ข.ความท้าทายด้านปฏิบัติการ  เพื่อให้เกิดกระบวนการพัฒนาภายในองค์กรและเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการทำงาน
ด้านปฏิบัติการ
ความท้าทาย
1.การนิเทศงาน


2.การติดตามประเมินผล


3.การพัฒนาคุณภาพบริการของหน่วยบริการปฐมภูมิ

4.  ประชาชนพึ่งตนเองได้ด้านสุขภาพ
5.  ภาคีเครือข่ายร่วมบริหารจัดการสุขภาพของชุมชน     

1.  มีการออกติดตามนิเทศงาน ทุก 3 เดือนจากคณะกรรมการบริหาร เพื่อให้กระตุ้นในการทำงานอย่างต่อเนื่อง และปรับปรุงงานในส่วนเป็นปัญหาให้ทันเวลา
2. ติดตามประเมินผล ทุก 3 เดือน และมีการสรุปผลการประเมินให้หน่วยงานทราบ และเร่งดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่กำหนดไว้ให้แล้วเสร็จตามเวลา
3.  หน่วยบริการในเครือข่ายมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในคุณภาพบริการร่วมกันอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อเกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
4. ให้ความรู้ สร้างรูปแบบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม  ติดตามประเมินผล
5.  สร้างและใช้แผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ อย่างมีประสิทธิภาพ
ค.ความท้าทายด้านทรัพยากรบุคคล เพื่อพัฒนาบุคลากร ให้มีสมรรถนะที่เหมาะสมกับการให้บริการตามพันธกิจ และสถานการณ์ด้านทรัพยากรบุคคล
ด้านทรัพยากรบุคคล
สิ่งท้าทาย
1.การบริหารจัดการบุคลากรให้ปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการปฏิบัติงาน

2.แผนการพัฒนาสมรรถนะบุคลากรในเครือข่าย     ฯลฯ

1.  การสร้างแรงจูงใจ และค่าตอบแทน เทียบกับผลการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้น
2.  สร้างความสมานสามัคคี และการทำงานเป็นทีม ในหน่วยงานและองค์กรที่เกี่ยวข้อง
3. มีการกำหนดกรอบการประเมินตัวชี้วัดรายบุคคล  และสมรรถนะ ที่ชัดเจน
4. มีแผนพัฒนาบุคลากรตามส่วนขาด และความต้องการของบุคลากร
5. มีการประเมินผลการปฏิบัติงานและตามตัวชี้วัดอย่างเนื่อง
6. สรุปรายงานผลการประเมินให้เจ้าตัวและคณะผู้บริหาร ทราบเพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขต่อไป




2.3 ระบบการปรับปรุงผลการดำเนินการ
                 หน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่ายบริการปฐมภูมิ พิจารณาและทบทวนถึงแนวทางที่องค์กรประเมินผลการดำเนินงานที่ตอบสนองต่อพันธกิจ แผนการดำเนินงาน การเรียนรู้องค์กรอย่างต่อเนื่องอย่างไร  และมีแนวทางอย่างไรในการนำผลการประเมินมาปรับปรุงประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน สร้างกระบวนการเรียนรู้ในองค์กร เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องของการพัฒนาและยกระดับองค์กร

แนวทางการประเมินผลการดำเนินงานขององค์กร
ติดตามประเมินผล ทุก 6 เดือน จากคณะกรรมการบริหารระดับอำเภอ / CUP / จังหวัด
 และสรุปการผลการประเมินให้หน่วยงานทราบ

แนวทางและวิธีการปรับปรุง
ประสิทธิภาพของหน่วยฯ


1. เร่งดำเนินการตาม ส่วนขาด ที่ได้จากการประเมิน 
2. ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการที่กำหนดไว้ให้แล้วเสร็จ ตามเวลาที่กำหนด 
3.  สรุปผลการดำเนินงานรายงานให้ผู้บริหารทราบตามลำดับ
แนวทางในการเรียนรู้ของหน่วยฯ

1. ฝึกอบรม ตามผลการประเมินส่วนจากการประเมิน สมรรถนะแก่บุคลากรสาธารณสุข
2. ส่งเสริมบุคลากรในเครือข่ายให้มีการศึกษาวิจัยและนำผลงานวิจัยมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อองค์กรและชุมชน   
3. จัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในเครือข่ายและหน่วยงานอื่นเพื่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆในการทำงาน
4. ศึกษาดูงาน เพื่อแลกประสบการณ์ นำมาปรับปรุงงานให้ดีขึ้น

















หมวด 3  การให้ความสำคัญกับประชากรเป้าหมาย  ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
มาตรฐานที่ 3.1  ความรู้เกี่ยวกับประชากรเป้าหมาย ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
3.1.1  ความรู้เกี่ยวกับประชากรเป้าหมาย ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
การประเมินตนเอง
แนวทางการกำหนดหรือจำแนกกลุ่ม
ผลการจำแนกกลุ่ม
1.      กลุ่มผู้รับบริการ 
1.1  กลุ่มผู้รับบริการตามชุดสิทธิประโยชน์เน้น 5กลุ่มCANDO



1.2  กลุ่มผู้รับบริการจากการคัดกรองความเสี่ยง  (เน้นกลุ่มป่วยโรคเบาหวานตามเข็มมุ่ง)
      1. กลุ่มผู้รับบริการ
1.1 กลุ่มผู้รับบริการตามชุดสิทธิประโยชน์เน้น 5กลุ่มCANDO
    1) เด็ก 0-72 เดือน    2) หญิงตั้งครรภ์ 
    3) ผู้พิการ              4) ผู้สูงอายุ
    5) ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
1.2  กลุ่มผู้รับบริการจากการคัดกรองความเสี่ยง
    1) กลุ่มปกติ    2) กลุ่มเสี่ยง    3) กลุ่มป่วย


กระบวนการจำแนกกลุ่มประชากรเป้าหมาย ดังนี้
1.1  กลุ่มผู้รับบริการตามชุดสิทธิประโยชน์เน้น 5 กลุ่มCANDO  ดังนี้
ตารางแสดงข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่ต้องได้รับการดูแล (CANDO)แยกรายหมู่บ้าน

หมู่บ้าน
เด็ก 0-5ปี
(คน)
หญิงตั้งครรภ์ 
(คน)      
ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
(คน)
ผู้พิการ
(คน)
ผู้สูงอายุ   (คน)
หมู่ที่ ๔ บ้านป่ายาง
๑๙7
๑7
8
25
280
หมู่ที่ ๗ บ้านห้วยหมอ
4
15
55
๑๔
205
รวม
๒๓๙
๓๒
๑๒๓
๓๙
๔๘๕






1.2 กลุ่มผู้รับบริการจากการคัดกรองความเสี่ยง ดังนี้    1) กลุ่มปกติ    2) กลุ่มเสี่ยง    3) กลุ่มป่วย
               1)กลุ่มปกติ
            2)กลุ่มเสี่ยง       -โดยมาตรฐานการคัดกรองความดันโลหิต
                                 -โดยมาตรฐานการคัดกรองเบาหวาน
                                 -กลุ่มอ้วนลงพุง
                                 -กลุ่มเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง
            3)กลุ่มป่วย       -กลุ่มป่วยที่อยู่ในเกณฑ์ปกติ
                                 -กลุ่มป่วยที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงปานกลาง
                                 -กลุ่มป่วยที่อยู่ในเกณฑ์เสี่ยงสูง

กระบวนการจำแนกกลุ่มประชากรเป้าหมาย(จากการคัดกรอง) มีดังนี้
        1.มีการสำรวจข้อมูลประชากรและคัดแยกกลุ่มดังนี้ กลุ่มที่หนึ่งอายุ 15-34ปีและกลุ่มที่สองอายุ 35 ปีขึ้นไป  ดำเนินการจัดบริการคัดกรอง (ตามแผนภูมิที่1 แนวทางการจัดบริการคัดกรองภาวะเบาหวาน ความดันโลหิตสูงและปัจจัยเสี่ยงต่อกลุ่มโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง(หัวใจขาดเลือด และอัมพฤกษ์ อัมพาต)
        2.จัดทำทะเบียนจำแนกกลุ่ม (ปกติ,เสี่ยง,ป่วย) จากผลงานการคัดกรองความเสี่ยงต่อภาวะเมตาบอลิก โดยใช้โปรแกรมระบบฐานข้อมูลสถานีอนามัย (JHCIS)และประมวลผลรายงานโดยโปรแกรม Chronic DBIES system โดยในการดำเนินการสำรวจ อสม.ได้แบ่งเขตรับผิดชอบ คนละ 8-12 หลังคาเรือน
         3.นำเสนอข้อมูลที่ได้จากการคัดกรอง และเน้นการบริการเพื่อคัดแยกทั้งผู้ที่มีความเสี่ยงและผู้ป่วยเป็นโรค เพื่อวางแผนลดโอกาสการเกิดโรค การรักษาที่ทันท่วงทีและการลดภาวะแทรกซ้อน 
        4.จัดทำทะเบียนกลุ่มเป้าหมายที่ได้จากการคัดกรอง เพื่อที่จะได้วางแผนให้บริการที่ถูกต้อง  เช่นในกลุ่มปกติ ต้องให้ความรู้ แนวทางปฏิบัติเพื่อไม่ให้พัฒนาตนเองไปสู่การเป็นกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วยในที่สุด

ตารางแสดงผลการคัดกรอง ปี255
เป้า
หมาย
ผลงาน
คัดกรอง
ปกติ
ร้อย
ละ
เสี่ยง
ร้อย
ละ
ป่วยใหม่
ป่วยเก่า
DM
ร้อย
ละ
HT
ร้อยละ
DM
ร้อย
ละ
HT
ร้อย
ละ
๓,๐๙๖
๒,๙๓๗
1,๖๖๕
๙๘.๓๔
๒๘
๑.๖๕
0.10
0.92
68
3.93
108
6.24
     ที่มา : รายงานสรุปผลการคัดกรองความเสี่ยงต่อภาวะโรคกลุ่ม Metabolic ปี 255

ข้อมูลผู้ป่วยโรคเรื้อรัง(เบาหวาน,ความดันโลหิตสูง) (ปี 255๗)
โรคเบาหวาน ๕๑ คน, โรคความดันโลหิตสูง ๖๐ คน

ตารางแสดงจำนวนกลุ่มเสี่ยง ปี 255๗
เป้าหมาย
ผลการคัดกรอง
กลุ่มเสี่ยง คน
เสี่ยง DM
เสี่ยง HT
เสี่ยงอ้วนลงพุง
เสี่ยง stroke
จำนวน
ร้อยละ
จำนวน
ร้อยละ
จำนวน
ร้อยละ
จำนวน
ร้อย
ละ
๓,๐๙๓
๒,๙๒๗
๒๘
๑.๖๕
๓๒๖
20.70
๒๙๐
๙.๘๗
๒๗
2.46
   จากข้อมูลการคัดกรองความเสี่ยงเมตาบอลิก ปี 255๗







มาตรฐานที่ 3.2  ความสัมพันธ์และความพึงพอใจของประชากรเป้าหมาย ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
3.2.1การสร้างความสัมพันธ์กับประชากรเป้าหมาย ชุมชน ผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
การประเมินตนเอง
กลุ่ม
แนวทางการสร้างความสัมพันธ์
กลุ่มผู้รับบริการ
(กลุ่มป่วยโรคเรื้อรัง)



-รพ.สต.บ้านป่ายางได้ดำเนินการจัดบริการในกลุ่มโรคเรื้อรัง ดังนี้ การจัดบริการที่ได้มาตรฐานทั้งในและนอกสถานบริการ มีแผนการเยี่ยมบ้านเชิงรุกที่ครอบคลุมทุกกลุ่ม จัดกิจกรรมประชุม/ประชาคม  พูดคุยทักทายตามโอกาสต่างๆ สอบถามข้อมูลอย่างเป็นทางการและไม่เป็นทางการ ให้ความรู้ผ่านทางหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน ร่วมกับ อสม.ในการติดตามเยี่ยม ไม่เฉพาะการพบปะผู้ป่วย แต่ให้ความสำคัญกับญาติและครอบครัวของผู้ป่วยด้วย  มีการจัดคลินิกรับยาเบาหวานที่รพ.สต. ประเมินความพึงพอใจการบริการ ให้คำปรึกษาแนะนำ  มีช่องทางการร้องเรียน มีตู้รับความคิดเห็น มีเบอร์โทรศัพท์ติดต่อสอบถาม  มีการประมวลผลและประชุมทีมเพื่อนำข้อร้องเรียนและปัญหาที่พบจากการบริการมาจัดทำแผนปรับปรุง/พัฒนา
กลุ่มผู้มีส่วนได้
ส่วนเสีย
1.ภาครัฐบาล เช่น อบต., สสอ. สสจ.
2.ภาคประชาชน เช่น อสม.
-รพ.สต.บ้านป่ายางได้มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนา รพ.สต. และคณะกรรมการกองทุนหลัก
ประกันสุขภาพตำบลเทศบาลตำบลท่างื้ว ในการร่วมกันในการจัดทำแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบล โดยมีการนำเสนอข้อมูลสุขภาพ เป็นการส่งมอบข้อมูลการบริการ ร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดในพื้นที่ ตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของชุมชน จัดทำแผนงาน/โครงการ(มีการคัดกรองความเสี่ยง) อบต. และเทศบาลสนับสนุนงบประมาณ   อสม.เข้าร่วมกิจกรรมมีบทบาทในการเป็นทีมสุขภาพ  ทำให้เห็นศักยภาพของกลุ่ม   อสม.เชี่ยวชาญ เกิดการพัฒนางาน พัฒนาคน ซึ่งจะนำไปสู่วิถีการพึ่งพาตนเอง ชุมชนมีส่วนให้ความร่วมมือและเข้าร่วมกิจกรรม ทำให้เกิดหนทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ  ส่งมอบบทบาทการเป็นเจ้าภาพร่วมกันให้แก่ชุมชน



หน่วยบริการปฐมภูมิมีแนวทางอย่างไรในการจัดการข้อร้องเรียนตั้งแต่ได้รับเรื่องร้องเรียนจนถึงการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนนั้นโดยครอบคลุมขั้นตอนการประเมินและการปรับปรุงด้วยโดยอาจใช้แผนผังประกอบ
     -รพ.สต.บ้านป่ายางได้มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนา รพ.สต. และคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลเทศบาลตำบลท่างิ้วในการร่วมกันในการจัดทำแผนที่ทางเดินยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นการประสานความร่วมมือระหว่างคณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบล โดยมีการนำเสนอข้อมูลสุขภาพ เป็นการส่งมอบข้อมูลการบริการ ร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดในพื้นที่ ตอบสนองความต้องการด้านสุขภาพของชุมชน จัดทำแผนงาน/โครงการ(มีการคัดกรองความเสี่ยง) อบต. และเทศบาลสนับสนุนงบประมาณ อสม.เข้าร่วมกิจกรรมมีบทบาทในการเป็นทีมสุขภาพ  ทำให้เห็นศักยภาพของกลุ่ม อสม.เชี่ยวชาญ เกิดการพัฒนางาน พัฒนาคน ซี่งจะนำไปสู่วิถีการพึ่งพาตนเอง ชุมชนมีส่วนให้ความร่วมมือและเข้าร่วมกิจกรรม ทำให้เกิดหนทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ  ส่งมอบบทบาทการเป็นเจ้าภาพร่วมกันให้แก่ชุมชน 
     -รพ.สต.บ้านป่ายางได้ร่วมการประชุมประจำเดือน อสม. และประชุมประจำเดือนของหมู่บ้าน  ได้นำข่าวสารสถานการณ์ด้านสุขภาพ ให้รับทราบและหาแนวทางแก้ไขร่วมกันในการแก้ปัญหาด้านสุขภาพ  และนำเสนอผลการดำเนินงานของรพ.สต.บ้านป่ายาง ตลอดจนผลงานของกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลเทศบาลตำบลท่างิ้ว และแจ้งแผนการดำเนินงานโครงการเพื่อให้เกิดความร่วมมือในการจัดทำโครงการต่างๆ ในพื้นที่  ทำให้เกิดความรักความสามัคคี  ร่วมเป็นเจ้าภาพร่วมกันให้แก่ชุมชน



หน่วยบริการปฐมภูมิมีช่องทางการสื่อสารกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างไร
     -รพ.สต.บ้านป่ายางมีช่องทางในการสื่อสารทั้งโดยผ่าน การประชุมประจำเดือน อสม.  คณะกรรมการ รพ.สต. คณะกรรมการกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลเทศบาลตำบลท่างิ้ว  การประชุมประจำเดือนของหมู่บ้าน, การให้สุขศึกษาทั้งรายบุคคล และรายกลุ่ม, การจัดทำสื่อความรู้ต่างๆ, การรณรงค์ทางด้านสาธารณสุข, และผ่านทางเสียงตามสายของหมู่บ้าน และเทศบาลตำบลท่างิ้ว เพื่อให้มีความร่วมมือและเข้าร่วมกิจกรรม ทำให้เกิดหนทางในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ  ส่งมอบบทบาทการเป็นเจ้าภาพร่วมกันให้แก่ชุมชน 

3.2.2  การวัดความพึงพอใจของประชากรเป้าหมาย ชุมชน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
 การประเมินตนเอง
กลุ่ม
แนวทางการวัดความพึงพอใจ และไม่พึงพอใจและวิธีการที่จะสร้างความมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่ได้รับจากการวัดสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
แนวทางการนำผลการวัดไปปรับปรุงการดำเนินการของ
หน่วยบริการปฐมภูมิ
กลุ่มผู้รับบริการ
(กลุ่มป่วยโรคเรื้อรัง)



      จากการประเมินผลเกี่ยวกับระบบบริการของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายาง  โดยการสัมภาษณ์ (ใช้แบบสอบถาม (PCUQ) กลุ่มตัวอย่าง 30 ตัวอย่าง  ของผู้รับบริการ (มีนาคม 255๖)มีความพึงพอใจ ร้อยละ 82.20
       โดยให้เหตุผลในการเลือกใช้บริการที่รพ.สต.บ้านป่ายางเนื่องจากมีความสะดวกสบาย ใกล้บ้าน ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา

            -ร้อยละ 100 จะกลับมาใช้บริการที่รพ.สต.บ้านป่ายาง
            -ร้อยละ 100 จะแนะนำเพื่อหรือญาติให้มาใช้บริการที่ รพ.สต.บ้านป่ายางสำหรับส่วนที่ไม่พึงพอใจมักจะเป็นเรื่องความเพียงพอต่อผู้รับบริการ  ความสวยงาม  น่าอยู่  ร่มรื่น  มีสถานที่ออกกำลังกาย  หรือที่พักผ่อนหย่อนใจ

    จากการประเมินพบว่ากลุ่มผู้รับบริการมีความเห็นในเรื่องที่อยากให้มีการพัฒนาปรับปรุงสถานบริการให้มีความเพียงพอต่อผู้รับบริการ  มีความสะอาด  เป็นระเบียบ  สวยงาม  น่าอยู่  ร่มรื่น  มีสถานที่ออกกำลังกาย  หรือที่พักผ่อนหย่อนใจ
กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
1.ภาครัฐบาล เช่น อบต.,
เทศบาล , โรงเรียน
2.ภาคประชาชน เช่น
อสม.
      จากการประเมินผลเกี่ยวกับระบบบริการของรพ.สต.บ้านป่ายาง  โดยการสัมภาษณ์ (ใช้แบบสอบถาม (PCUQ) กลุ่มตัวอย่าง 30 ตัวอย่าง  ของผู้รับบริการ (มีนาคม 255๖) มีความพึงพอใจ  ร้อยละ 82.20
       โดยให้เหตุผลในการเลือกใช้บริการที่รพ.สต.บ้านป่ายางเนื่องจากมีความสะดวกสบาย ใกล้บ้าน ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา
            -ร้อยละ 100 จะกลับมาใช้บริการที่รพ.สต.บ้านป่ายาง
            -ร้อยละ 100 จะแนะนำเพื่อหรือญาติให้มาใช้บริการที่รพ.สต.บ้านป่ายาง สำหรับส่วนที่ไม่พึงพอใจมักจะเป็นเรื่องความเพียงพอต่อผู้รับบริการ  ความสวยงาม  น่าอยู่  ร่มรื่น  มีสถานที่ออกกำลังกาย  หรือที่พักผ่อนหย่อนใจ

    จากการประเมินพบว่ากลุ่มผู้รับบริการมีความเห็นในเรื่องที่อยากให้มีการพัฒนาปรับปรุงสถานบริการให้มีความเพียงพอต่อผู้รับบริการ  มีความสะอาด  เป็นระเบียบ  สวยงาม  น่าอยู่  ร่มรื่น  มีสถานที่ออกกำลังกาย  หรือที่พักผ่อนหย่อนใจ


หน่วยบริการปฐมภูมิมีแนวทางอย่างไรในการติดตามเพื่อให้ได้ข้อมูลป้อนกลับอย่างทันท่วงทีและนำไปใช้ในการดำเนินงาน
      - โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพได้จัดให้มีการประเมินความพึงพอใจผู้รับบริการโดยใช้แบบประเมิน PCUQ  ปีละ 2 ครั้ง (มีนาคม ,กันยายน)  และการรับความคิดเห็นจากตู้รับความคิดเห็น เพื่อนำข้อมูลที่ได้เข้าที่ประชุมคณะกรรมการ รพ.สต.บ้านป่ายาง เพื่อนำปรับปรุงพัฒนาการดำเนินงาน รพ.สต.บ้านป่ายาง ต่อไป

























หมวด  6  ด้านระบบบริการ
ภัยร้ายจากโรคเบาหวาน
สถานการณ์เกี่ยวกับโรคเบาหวานของประเทศไทยในปัจจุบัน  อัตราความชุกของโรคมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และพบว่าเป็นปัญหาทางสาธารณสุข ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและภาวะเศรษฐกิจของผู้ป่วยและครอบครัว  ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและวิทยาการต่างๆมากมายเกี่ยวกับโรคเบาหวาน แต่ก็ยังพบอุบัติการณ์เกิดโรคเพิ่มขึ้น 
พระสุวรรณ คเวสโก เป็นพระเจ้าอาวาสวัดป่ายาง ตำบลท่างิ้ว ป่วยด้วยโรคเบาหวานมานาน ตั้งแต่สมัยเข้าป่าร่วมอุดมการณ์กับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย  และได้รับการคัดกรองตรวจน้ำตาลเบื้องต้นที่วัด พบว่าค่าน้ำตาลสูง เนื่องจากท่านไม่ค่อยมีเวลาจึงขอให้พาไปรักษากับหมอไก่เนื่องจากรู้จักกันเป็นส่วนตัว เมื่อเข้ารับการรักษาที่ รพ.นครพัฒน์ทุกเดือนตามที่หมอนัดแล้วเป็นเวลา หลายปี ทำให้เสียค่าใช้จ่ายสูง อาการได้แต่ทรงและดีขึ้นบางเวลา ไม่ถึงกับทรุด แต่ต้องกินยาประจำทุกวัน ไปหาหมอทุกเดือน ยิ่งเสียเงินค่ารักษาไปตลอดชีวิต เสียเวลา ไม่แน่ใจว่าจะหายขาดหรือไม่ จึงหันไปหาภูมิปัญญาไทย อบสมุนไพร แช่มือ เท้า กินยาสมุนไพร และเข้าคอร์สล้างตับ ครั้งแรกไปที่ศรีษะอโศก จังหวัดศรีสะเกศ จนปัจจุบัน จัดกิจกรรมล้างพิษตับ ๒ เดือนครั้ง ครั้งที่ ๔ วันที่ ๒๐-๒๔ ตุลาคม ๒๕๕๖นี้ ที่วัดป่ายาง และจากที่สุขภาพท่านเป็นปกติ ดีขึ้นเป็นลำดับ  จึงได้ขับเคลื่อนสู่ผู้สนใจ รักษ์สุขภาพให้มาค้นหาตัวเอง เริ่มที่ตัวเอง
          โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายขาดอินซูลินหรือนำอินซูลินไปใช้ไม่ได้  มีผลทำให้เกิดภาวะผิดปกติของการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต  โปรตีน  ไขมัน ทำให้น้ำ ตาลในเลือดสูงกว่าปกติ  ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระบบต่างๆ ของร่างกาย คือ เกิดภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน เช่น ภาวะน้ำตาลในเลือดสูง  ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ  และภาวะกรดจากสารคีโตนคั่งในเลือดและภาวะแทรกซ้อนเรื้อรัง เช่น ภาวะหลอดเลือดตีบแข็ง  ความดันโลหิตสูง  จอตาเสื่อม  ไตวาย  เป็นแผลเรื้อรังและติดเชื้อได้ง่ายเป็นต้น  ฉะนั้นถ้า รพ.สต.บ้านป่ายางของเราสามารถควบคุมโรคเบาหวานได้ด้วยการส่งเสริมให้ผู้ป่วยเบาหวานดูแลตนเอง โดยเน้นการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย การใช้ยา เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนที่จะเกิดได้
          ในคลินิกผู้ป่วยเรื้อรังของ รพ.สต.บ้านป่ายาง ตำบลท่างิ้ว อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช  จำนวนผู้ป่วยที่มารับบริการ 1 ครั้ง/ เดือน มีจำนวนประมาณ 30-40 รายต่อเดือน มีผู้ป่วยเบาหวาน จำนวน 10-15 คน /เดือน ในจำนวนผู้ป่วยเบาหวานเหล่านี้ มีผู้ป่วยเบาหวาน 1 รายที่มีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมการบริโภคที่ไม่เหมาะสม จากการซักประวัติทราบว่าผู้ป่วยรายนี้มีมารดาเป็นโรคเบาหวานพึ่งเสียชีวิตเนื่องจาก shock มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ตนเองซึ่งเป็นโรคเบาหวานก็ยังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ค่อยได้ ดูจากค่า    Hba1C = 10.9 %  
FBS= 256 mg%  ผู้ป่วยเคยพูดเสมอว่า ยอมตายไม่ยอมอด ถ้าตนเองอยากรับประทานอะไรก็จะทาน เพราะถ้าตายไปแล้วก็ไม่ได้ทานอีก  จากสถานการณ์ดังกล่าว รพ.สต. บ้านป่ายาง จึงวางแผนการพยาบาลเพื่อหาแนวทางในการดูแลผู้ป่วยรายนี้ คือ
1.      ให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอและให้มีการคัดกรอง ค้นหากลุ่มเสี่ยง
2.      สร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ผู้ป่วยเกิดการเรียนรู้เกี่ยวกับการดูแลตนเอง เช่น แจกเอกสาร แผ่นพับ
3.      เป็นที่ปรึกษาและให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง ให้ความสนในและติดตามการปฏิบัติกิจกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วย
4.      ส่งเสริมให้สมาชิกในครอบครัวช่วยสนับสนุนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วย
5.      สร้างแรงจูงใจ ความเชื่อ ความตระหนักในการดูแลตนเองของผู้ป่วย
6.      เยี่ยมบ้านผู้ป่วยเพื่อประเมินพฤติกรรมการดูแลตนเอง

สิ่งที่ได้รับจาการดำเนินการ
1.  ผู้ป่วยรายนี้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่ถูกต้อง 
    ได้
2. ผู้ป่วยรายนี้ได้รับบริการตรวจรักษาที่มีคุณภาพในคลินิกโรคเรื้อรัง
3. ผู้ป่วยรายนี้สามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติได้
4. ไม่มีภาวะเครียดจากโรคสามารถดำรงชีวิตได้อย่างปกติสุข
5. ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
6. มาตามนัดทุกครั้ง

6.1.1 การจัดระบบบริการสุขภาพโดยรวมของหน่วยบริการปฐมภูมิและเครือข่าย
       1. มีการจัดระบบบริการเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้ง่ายอย่างเท่าเทียม(Accessibility)
           รพ.สต.บ้านป่ายางได้จัดระบบบริการดังนี้ คือ มีการคัดกรองตามมาตรฐาน   ให้ความรู้ในเรื่องโรคเบาหวาน  ในการปฏิบัติตัว  การจัดสภาพแวดล้อม แนวทางการรักษา  อาการข้างเคียงจากการรักษา  และการส่งต่อเพื่อตรวจวินิจฉัยโรค 
       2. มีการจัดให้บริการครอบคลุมผู้ป่วยที่มีปัญหาเฉียบพลัน ฉุกเฉิน ปัญหาเรื้อรัง และการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค  (Availability of Care)
         3.มีการจัดระบบงานและบุคลากรที่พร้อมให้บริการอย่างผสมผสาน เบ็ดเสร็จ เป็นองค์รวมเสริมการพึ่งตนเองของประชาชน
- ทีมสุขภาพของรพ.สต.บ้านป่ายาง จัดบริการ ได้แก่  ทีมแพทย์ที่ให้การรักษา 
ทีมสหวิชาชีพที่ดูแลในการติดตามอาการ  เช่น เภสัชกร  พยาบาลวิชาชีพ เป็นต้น ทีมเจ้าหน้าที่ของรพ.สต.บ้านป่ายางที่ออกติดตามเยี่ยม   และยังมีจิตอาสา  ที่เป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลผู้ป่วยให้บริการเนื่อง 
         4.มีการจัดระบบให้ดูแลผู้ป่วยหรือประชากรเป้าหมายแบบต่อเนื่อง (Continuity care)
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพบ้านป่ายางจัดระบบการดูแลต่อเนื่อง/บริการเชิงรุกในพื้นที่ โดยมีคำสั่งแต่งตั้ง/กำหนดเจ้าหน้าที่รับผิดชอบหมู่บ้าน (หมอประจำบ้าน) มีแผนเยี่ยมบ้าน  มีทีมสหวิชาชีพจากหลายหน่วยงานในอำเภอเมืองมีโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช  และทีมโรงพยาบาลแม่ข่ายติดตามให้บริการในชุมชนรั้ง  เพื่อรับทราบปัญหาการดำเนินงานและเยี่ยมคณะทีมงานในเครือข่าย   มีการนำเสนอ/สรุปกรณีป่วย (Conference Case) จัดเก็บข้อมูลการเยี่ยมบ้านในระบบโปรแกรม JHCISและบันทึกในแฟ้มครอบครัว
5. ประสาน และเชื่อมต่อการดูแล ทั้งภายในหน่วยบริการและกับหน่วยบริการอื่นเมื่อหน่วยบริการไม่สามารถดูแลได้เอง (Co – ordination)
            รพ.สต.บ้านป่ายางมีการประสานความร่วมมือจากทีมแพทย์ที่ปรึกษา ทีมสหวิชาชีพ ซึ่งเป็นแม่ข่ายงานด้านสาธารณสุข    ทำให้ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยลงได้บ้าง  และจะนำปัญหาสถานการณ์การเกิดโรคในชุมชน และพยาธิสภาพของโรคไปนำเสนอเพื่อให้ชุมชนเห็นความสำคัญและกระตุ้นให้หน่วยงานมีการสนับสนุนช่วยเหลือต่อไป
6.1.2 การบริการปฐมภูมิระดับบุคคลและครอบครัวแบบผสมผสาน เป็นองค์รวม ต่อเนื่อง
            1.สร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ
              - นอกจากการประเมินความพึงพอใจจากผู้รับบริการแล้ว  การพบปะพูดคุยในขณะติดตามเยี่ยมบ้านไม่ว่าจะเป็นเยี่ยมบ้าน (Home visit) หรือเยี่ยม Home health care จะทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึก  หลายเรื่อง  เป็นการศึกษาและเรียนรู้จากผู้ป่วย สิ่งสำคัญคือความไว้วางใจจากผู้ป่วยและญาติที่มีต่อเจ้าหน้าที่
             2. ให้บริการอย่างเป็นองค์รวม (Holistic care)
             - จัดบริการด้านส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรค รักษาพยาบาล และฟื้นฟูสภาพ ทั้งในและนอกหน่วยบริการโดยมีแผนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน
             3.ให้บริการได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานทางคลินิก (Clinical competency)
               - โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ามีการพัฒนาคุณภาพการบริการโดยรับการประเมินจากทีม QRT ปีละ 2 ครั้ง
               - โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายางได้การสนับสนุนโครงการอบรม CBL ให้แก่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้มีความเชี่ยวชาญ
               - โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายางมีคู่มือ/แนวทางปฏิบัติงานครอบคลุม 4 องค์ประกอบหลัก (ส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟู)
            4.มีการติดตาม ดูแลอย่างต่อเนื่อง  (Continuity)
               - มีแผนปฏิบัติงาน “ใกล้บ้านใกล้ใจ ห่วงใยสุขภาพ”  เพื่อติดตามเยี่ยมบ้านและจัดบริการเชิงรุกในกลุ่ม CANDO  อันได้แก่ เด็ก0-72 เดือน  หญิงตั้งครรภ์  ผู้สูงอายุ  ผู้พิการ  และกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
           5.สร้างการมีส่วนร่วมและเสริมพลังการดูแลตนเองของประชาชน (People participation and empowerment)
            6. ประสาน เชื่อมโยงบริการ หรือส่งต่อเพื่อให้ประชาชนได้รับการดูแลที่เหมาะสม(Co – ordination)
              - โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านป่ายางมีทีมที่ปรึกษา เช่น แพทย์ เภสัชกร ทันตแพทย์ ฯลฯโดยคำสั่งแต่งตั้งและมีทะเบียนบันทึกการให้คำปรึกษา ช่องทางการให้คำปรึกษาโดยทางโทรศัพท์  มีระบบส่งต่อที่ชัดเจน ส่วนในระดับตำบลมีเครือข่ายการส่งต่อ เช่น 1669

6.1.3 การดูแลสุขภาพของกลุ่มประชากร
การแบ่งกลุ่มประชากรในการดูแลสุขภาพ 
1.ประชากรตามพัฒนาการอายุ
- กลุ่มอายุ 0-6ปี   
- กลุ่มอายุ 6-12 ปี    (กลุ่มวัยเรียน)
- กลุ่มอายุ 13-18 ปี   (กลุ่มวัยรุ่น )
- กลุ่มอายุ 19-59 ปี   
- กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป  (กลุ่มผู้สูงอายุ)
2.ประชากรกลุ่มด้อยโอกาส/พิการ
3.ประชากรภาวะเสี่ยงอื่นๆ
- ประชากรอายุ35ปีขึ้นไป
- ประชากรหญิงอายุ30-60ปี ( โรคมะเร็งปากมดลูก  โรคมะเร็งเต้านม)
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง(โรคระบบหลอดเลือด)
4.กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ (หญิงตั้งครรภ์  ผู้ป่วย Palliative  Care)

การดูแลสุขภาพประชากรกลุ่มต่างๆ
1.เด็กแรกเกิด - 6 ปี
1.ลูกจ้างค้นแฟ้มครอบครัว  แยกกลุ่มให้บริการ
2.อสม. ซักประวัติ  ตรวจประเมินภาวะโภชนาการ  ตรวจพัฒนาการตามสมุดสีชมพู  ลงทะเบียนทุกเล่มรวม 2 เล่ม   ให้ครบถ้วน 
3.เจ้าหน้าที่คนแรก ตรวจร่างกาย ตรวจฟัน  ให้คำปรึกษาแนะนำตามสภาพปัญหาบุคคล  นัดวัคซีน ลงทะเบียนทุกเล่มรวม 2 เล่ม   ให้ครบถ้วน  ส่งฉีดวัคซีน
4.เจ้าหน้าที่คนที่สอง  ตรวจสอบ ตรวจร่างกายเพิ่มเติม  ฉีดวัคซีน ลง lot. วัคซีน แนะนำพักรอดูอาการก่อนกลับ 15-30 นาที 
5.เจ้าหน้าที่คนที่สามให้บริการตรวจรักษาพยาบาลทั่วไป แก่ผู้ป่วยที่มารับบริการ ในวันฉีดวัคซีน
6.ช่วงรอเรียกชื่อ ซักประวัติตรวจร่างกาย  อสม.และกลุ่มผู้ปกครอง  จะช่วยกันชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง
วัดรอบอกกันเอง  และนั่งรออยู่หน้าห้อง แต่อุปกรณ์ส่งเสริมพัฒนาการให้เด็กเล่นมีไม่เพียงพอ
7.เจ้าหน้าที่ประสาน อสม.ในการติดตามเด็กที่ไม่มารับวัคซีนตามนัด
8.อสม.ชั่งน้ำหนักเด็ก ส่ง รพ.สต. ทุก 3 เดือน และส่งสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ 
9.ประสาน อบต./เทศบาล เพื่อแก้ไขปัญหา
10.รองบประมาณดำเนินการต่อไป

แนวทางการพัฒนาปี 255๗
1.อธิบาย ให้ผู้ปกครองช่วยชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดรอบอกกันเอง และตรวจฟันบุตรรอ  เพื่อมีส่วนร่วมในการดูแลเด็ก
2.ให้ข้อมูล เรื่องข้อจำกัดของเจ้าหน้าที่   และงานบริการสุขภาพเด็กดีมีความจำเป็นที่ต้องล่าช้า เพราะเป็นงานละเอียด ต้องตรวจ และ ลงทะเบียนหลายอย่าง   เพื่อสุขภาพของบุตรหลานและป้องกันความผิดพลาดผู้ปกครองเด็กควรให้เวลาแก่เจ้าหน้าที่บ้าง
3.ให้ข้อมูล ปัญหาความล่าช้าอีกอย่าง  สาเหตุมาจากผู้ปกครองเด็ก พาเด็กมาแล้วต้องการยาไปเก็บไว้รับประทานเมื่อเจ็บป่วย  และบางครั้งไม่สะดวกมา รอมารับบริการพร้อมกันบางครอบครัวมารับบริการถึง 3-4 คน  ทำให้เกิดความไม่พึงพอใจ  อากาศร้อน   เด็กร้อง   ของเล่นเสริมพัฒนาการมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ
4.ให้ข้อมูลการออกติดตามเยี่ยม  บางรายขออนุญาตให้ อสม.ไปเยี่ยมแทน
5.สถานที่ในการให้บริการคับแคบ  รอการก่อสร้างอาคารทดแทน  เพื่อรองรับผู้มารับบริการได้อย่างสะดวก สบาย   เป็นสัดส่วน 
2.กลุ่มวัยเรียน
1.การให้บริการสุขภาพนักเรียนในโรงเรียน  โดยการตรวจสุขภาพ ตรวจคัดกรองโรคหัวใจ  ตรวจภาวะโรคซีด   ฉีดวัคซีนป้องกันคอตีบ-บาดทะยัก
2. ให้ความรู้เรื่องสุขบัญญัติแห่งชาติ 
แนวทางการพัฒนาปี 255๗
1. ปิดประกาศประชาสัมพันธ์บริการช่องทางพิเศษ สำหรับผู้ป่วยฉุกเฉิน  นักเรียน   ผู้สูงอายุและผู้พิการ


3.กลุ่มวัยรุ่น
1.แจกเอกสาร โปสเตอร์ ในโรงเรียน หมู่บ้านตามการรณรงค์ 
2.ให้ความรู้รายบุคคลที่มารับบริการและมีความเสี่ยง
3.ให้บริการวันเวลาราชการ จันทร์-ศุกร์ 
4. ให้ความรู้เรื่องทักษะชีวิต  การป้องกันการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น (ไม่พึงประสงค์)
5.ให้บริการถุงยางอนามัยในงานวางแผนครอบครัว 

แนวทางการพัฒนาปี 255๗
1.ให้อสม.ออกเสียงตามสายในหมู่บ้าน
2.ประสาน อบต. จัดทำโครงการอบรมให้ความรู้แก่เด็กวัยรุ่น
3.ประสาน อบต./เทศบาล เรื่องตู้หยอดเหรียญถุงยางอนามัย  ( เคยประสานแล้วแต่ยังไม่มีการดำเนินการ )

4.ประชากรกลุ่มอายุ 19-59 ปี
1.ให้ความรู้เรื่องโรครายบุคคลตามความสนใจ เนื่องจากข้อจำกัดของเจ้าหน้าที่
2.มีการตรวจคัดกรองความเสี่ยงเบื้องต้น 
โดยอสม. ตรวจน้ำตาลในเลือด ตรวจวัดความดันโลหิตสูง และตรวจมะเร็งปากมดลูกโดยเจ้าหน้าที่ ปีละ1ครั้ง
3.ให้บริการตามคิวก่อน-หลัง ตรวจรักษาตามระบบและตามแนวทางการรักษาแต่ละโรค
4.ให้บริการในหมู่บ้านโดยติดตามเยี่ยมกลุ่มป่วย  ตามความจำเป็น เนื่องจากข้อจำกัดของเจ้าหน้าที่

แนวทางการพัฒนาปี 255๗
1.เตรียมเอกสาร แผ่นพับ  แจก หากผู้รับบริการ มีความสนใจในโรคต่างๆ
2.ให้ข้อมูล อสม.เพื่อประชาสัมพันธ์ในหมู่บ้านในความจำเป็นในการตรวจคัดกรองปีละ 1 ครั้ง  หากมีความเสี่ยงสูงทุกเดือนหรือมีความสนใจบ่อยครั้งตามความต้องการ


            4.1 การดูแลสุขภาพกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มป่วย โรคระบบหลอดเลือด  ดำเนินงาน  ดังนี้
          1.ประชุมอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน  เพื่อชี้แจงการดำเนินโครงการฯ และทบทวนการตรวจคัด
กรอง
          2.วางแผนออกคัดกรองหลอดเลือดเบื้องต้นโดยเครือข่าย อสม.ทุกหมู่บ้าน
          3.เจ้าหน้าที่  รวบรวมข้อมูล  เพื่อวิเคราะห์ผลการตรวจคัดกรอง
          4.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน   นัดหมายกลุ่มเสี่ยงที่ต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
          5.เจ้าหน้าที่  ร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน   ประชุม สรุปผลการตรวจคัดกรองเพื่อหาแนวทางร่วมกันในการแก้ไขปัญหาสุขภาพ
          6.อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน แจ้งผลการตรวจคัดกรองหลอดเลือดและให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพในกลุ่มปกติ
          7.กลุ่มพบโรคก่อนการตรวจคัดกรอง  ให้คำแนะนำ รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง
          8.กลุ่มพบโรคหลังการตรวจคัดกรอง  ได้รับการตรวจซ้ำและส่งต่อเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาทุกราย
          9.กลุ่มเสี่ยงสูง  จัดอบรมให้ความรู้ในการดูแลตนเองและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพและร่วมวางแผนในการดูแลต่อเนื่อง
          10.กลุ่มพบโรค  โรคเบาหวาน  โรคความดันโลหิตสูง  จัดอบรมให้ความรู้แก่ผู้ป่วยและ/หรือ ผู้ดูแลร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยการเข้ารับการอบรมที่วัดป่ายางโครงการ ล้างพิษกาย สลายพิษใจ ๔ คืน ๕ วัน
          11.เจ้าหน้าที่ร่วมกับกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ออกติดตามกลุ่มเสี่ยงสูง ผู้ป่วย/ผู้ดูแล  โรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง

5.กลุ่มผู้สูงอายุ
1.มีการจัดตั้งชมรมผู้สูงอายุ อย่างเป็นทางการ 
2.ผู้สูงอายุทุกหมู่บ้านมีการเข้าร่วมประชุมที่ รพ.สต. บ้านป่ายาง ทุกวันที่ ๔ ของเดือนเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้
3.อสม.ออกให้บริการตรวจคัดกรองหลอดเลือดเบื้องต้นในหมู่บ้าน  หากผิดปกติส่งต่อรพ.สต.
4.เข้าร่วมกิจกรรมวันผู้สูงอายุทุกปีที่ อบต./เทศบาล
5. มีฐานข้อมูลผู้สูงอายุของแต่ละหมู่บ้าน

แนวทางการพัฒนาปี 255๗
1.สนับสนุนการจัดตั้งชมรมและกิจกรรม ผู้สูงอายุ ทุกหมู่บ้าน  และดูแลอย่าง ต่อเนื่องร่วมกับนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช
2.ประสาน อบต./เทศบาลเสนอสนับสนุนงบประมาณ ตรวจสุขภาพผู้สูงอายุโดยเจ้าหน้าที่ ทุกหมู่บ้าน ส่งเสริมให้มีกิจกรรมโดยค้นหาแกนนำที่เข้มแข็งในการดำเนินงานผู้สูงอายุ
3.จัดทำโครงการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ
6.กลุ่มผู้พิการ
1.อบรมให้ความรู้เรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้พิการแก่กลุ่มผู้พิการและผู้ดูแล และกลุ่มอสม. ปี 255
2.ร่วมกับ  เทศบาลจัดทำโครงการเยี่ยมบ้าน ปี255๗ / อบต./เทศบาล จัดทำโครงการ
3.ให้บริการตามลำดับก่อน-หลัง

แนวทางการพัฒนาปี 255๗
1.ประชุมทีมสุขภาพวางแผนในการให้บริการ และ เปิดให้บริการทางด่วนพิเศษ
2.ดูแลผู้พิการต่อเนื่องร่วมกับผู้ดูแลผู้ป่วย

7.กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง
1.ให้บริการคลินิกโรคเรื้อรังในรพ.สต.ทุกวันพฤหัสบดี ที่ ๓ ของเดือน  โดยให้บริการผู้ป่วยโรคเบาหวาน  โรคความดันโลหิตสูง  โรคหัวใจ  หลอดเลือด โรคจิตเวช  และโรคเรื้อรังอื่นๆ
2. ให้บริการผู้ป่วยโรคเรื้อรังที่เป็นผู้สูงอายุก่อนตามโครงการ 70 ปี ไม่มีคิว
3.ให้บริการตรวจ เลือด ตรวจตา  ตรวจเท้า ตรวจคัดกรองอัมพฤกษ์  อัมพาต และตรวจฟันในผู้ป่วยโรคเรื้อรังทุกรายตามเกณฑ์ให้บริการ
4. ให้คำปรึกษาผู้ป่วยโรคเรื้อรังทุกคนที่มีปัญหาเรื่องการดำเนินของโรค และด้านสุขภาพจิตและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
5.ติดตามเยี่ยมบ้านและติดตามเยี่ยมเมื่อผู้ป่วยมาที่สถานบริการ  บางครั้งสอบถามข้อมูลจากอสม.ในหมู่บ้าน

แนวทางการพัฒนาปี 255๗
1.พัฒนาระบบติดตามเยี่ยมบ้านในเชิงคุณภาพและแนะนำส่งเสริมให้เข้ารับการอบรมที่วัดป่ายางโครงการ ล้างพิษกาย สลายพิษใจ ๔ คืน ๕ วัน
2.พัฒนาศักยภาพอสม.ในการดูแลผู้ป่วยเฉพาะโรค

8.การดูแลหญิงตั้งครรภ์
1.ให้บริการตามแนวทางการดำเนินงาน งานอนามัยมารดาแนวใหม่และพัฒนาตนเองค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ
2.ให้บริการตามคิวก่อน-หลัง
3.พัฒนาศักยภาพ อสม.ในการสำรวจค้นหา  หญิงตั้งครรภ์รายใหม่ ในหมู่บ้าน  กระตุ้นให้ได้รับการฝากครรภ์ตั้งแต่เริ่มแรก  โดยจัดทำทะเบียนหญิงตั้งครรภ์  เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการดูแลหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด โดยการสำรวจในหมู่บ้านส่งรพ.สต.ทุกเดือน

แนวทางการพัฒนา ปี 255
1.      ส่งเสริมพัฒนา อสม.ให้มีความรู้ในการดูแลหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด อย่างมีคุณภาพ
2.     พัฒนาทักษะ อสม.ให้ช่วยบริการในรพ.สต. โดยตรวจสัญญาณชีพรอเจ้าหน้าที่เพื่อรับการตรวจ

6.1.4   การสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกับองค์กรชุมชน

 มีการจัดการด้านต่างๆ ที่ส่งเสริมให้ประชาชนมีศักยภาพในการดูแลตนเองได้เหมาะสม
(Empowerment)


เกณฑ์คุณภาพที่ 6.2 กระบวนการสนับสนุนการให้บริการที่สร้างคุณค่าของระบบบริการปฐมภูมิ

6.2.1 การจัดระบบสนับสนุนบริการ
การประเมินตนเอง
หน่วยบริการปฐมภูมิได้รับการสนับสนุนจากCUP  ดังนี้

ประเด็นที่ต้องให้การสนับสนุน
หน่วยบริการปฐมภูมิได้รับการสนับสนุนจากCUP
1.อาคารสถานที่  และพัฒนาสิ่งแวดล้อมให้บริการและสิ่งแวดล้อมทั่วไประบบกำจัดของเสียให้เอื้อต่อการบริการที่มีคุณภาพ การสร้างเสริมสุขภาพ และความพึงพอใจของผู้มารับบริการและบุคลากรสาธารณสุข

เงิน On top ๑๔0,000  บาท กั้นกระจก ห้องประชุม ติดตั้งเหล็กดัดกันขโมยห้องรักษาพยาบาล ต่อเติมห้องรักษาพยาบาล
โอกาสพัฒนาเสนอ CUP
1.ภูมิทัศน์ภายนอกอาคาร  เช่น ต่อเติมอาคารอเนกประสงค์ เพื่อใช้ทำกิจกรรม ของอสม.และผู้สูงอายุ    เป็นต้น





ประเด็นที่ต้องให้การสนับสนุน
หน่วยบริการปฐมภูมิได้รับการสนับสนุนจากCUP
2.ระบบเฝ้าระวังป้องกัน  การติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อที่ถูกต้องตามมาตรฐาน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยทั้งผู้ให้บริการและผู้รับบริการ
1.สนับสนุนแนวทางการป้องกันการติดเชื้อ
2.เข้ารับอบรมการเฝ้าระวังการติดเชื้อในสถานบริการทุกคน
3.เครื่องปั่นฮีมาโตคริต
4.เครื่องมือแพทย์
5.ถุงดำ  ถุงแดง
โอกาสพัฒนาเสนอCUP
1.การทำลายขยะติดเชื้อเช่น เข็ม  Syring  ผ้าก๊อต  สำลี ใช้แล้ว
ยังไม่ได้รับการสนับสนุน
3. การบริหารยาและเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาที่ถูกต้องตามมาตรฐานและหลักวิชาการ  เพื่อให้ผู้รับบริการได้รับมอบยา เวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ที่ถูกต้อง  มีคุณภาพ ปลอดภัย
1.มีการเบิกยาทุกเดือน  มียาสำรองไว้ได้ไม่เกิน 1 เดือน
2.รพสต.ส่งประมาณการใช้ยาและเวชภัณฑ์ทุกปี
3.ยาที่มีการใช้ไม่ทันหรือใกล้จะหมดอายุก่อน 6 เดือน  ประสานเพื่อขอเปลี่ยนคืนยา
4.มีการนำส่งเวชภัณฑ์ยาและวัสดุทางการแพทย์  ยาที่จะให้บริการคลินิกพิเศษ  วัคซีน  และเวชภัณฑ์ที่มิใช่ยา ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนโดยรถโรงพยาบาล
5.เวชภัณฑ์ที่มิใช่ยาเช่นซองยา  ถุงใส่ยา
6.สนับสนุนคู่มือ/แนวทางการใช้ยา
โอกาสพัฒนาเสนอCUP
1.ทาง รพสต.ได้จัดหาเครื่องปรับอากาศ  เพื่อปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม  
4.การจัดระบบการบริการด้านชันสูตรที่จำเป็นและสอดคล้องกับสภาพปัญหาของชุมชน และเป็นไปตามมาตรฐาน
1.สนับสนุนคู่มือ/แนวทางการชันสูตร
2.วัสดุ  อุปกรณ์ในการตรวจ เช่นเครื่องและแถบตรวจระดับน้ำตาลในเลือด  แถบตรวจไข่ขาวและน้ำตาลในปัสสาวะ แถบตรวจการตั้งครรภ์
เครื่องปั่นและหลอดตรวจความเข้มข้นในเลือด
3.หลอดสำหรับเจาะเลือดหญิงตั้งครรภ์ส่งตรวจโรงพยาบาลมหาราช
4.ตลับเสมหะ  เพื่อนำส่งตรวจโดยรณรงค์ตรวจปีละครั้ง
5.Slide พร้อมน้ำยาตรวจสารพิษเคมีในเกษตรกร
6. Slide ตรวจมะเร็งปากมดลูก








ประเด็นที่ต้องให้การสนับสนุน
หน่วยบริการปฐมภูมิได้รับการสนับสนุนจากCUP
5.การจัดหา  บำรุงรักษา  การซ่อมเครื่องมือหน่วยบริการปฐมภูมิ วัสดุ และอุปกรณ์บำรุงรักษาให้ มีความเที่ยงตรง พอเพียง ปลอดภัยและพร้อมใช้งานตลอดเวลา และมีอายุใช้งานที่ยืนนาน
1.เครื่องมือชำรุด  ส่งซ่อมที่โรงพยาบาล 
2.กรณีเครื่องมือชำรุด  ซ่อมแล้วใช้ไม่ได้ จัดทำแผนการจัดซื้อให้
3.ส่งเครื่องมือตรวจสอบความเที่ยงตรง  ความปลอดภัยและพร้อมใช้งานเช่น  กิโลชั่งน้ำหนักแบบยืน  แบบนอนสำหรับเด็ก  ปรอทวัดไข้  เครื่องวัดความดัน  เครื่องฟังเสียงหัวใจทารก เจ้าหน้าที่ส่วนกลาง
4.เครื่องปั่นความเข้มข้นของเลือด  เครื่องตรวจระดับน้ำตาลในเลือดส่งตรวจสอบความเที่ยงตรง
6.ระบบการรักษาพยาบาล
1.สนับสนุนแนวทางการรักษาพยาบาล
2.จัดประชุมวิชาการเดือนละครั้ง
3.ปรึกษาทางโทรศัพท์
7.ระบบส่งต่อ
1.มีระบบส่งต่อ  และตอบกลับ
2.กรณีฉุกเฉินใช้ระบบโทรศัพท์ประสานห้องฉุกเฉิน   โทร 1669
8.ระบบIT
1.Network ได้แก่ คอมพิวเตอร์แม่ข่าย (Network Server) ที่ตั้งอยู่ ณ
ศูนย์ข้อมูลสำนักงานสาธารณสุขอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช, เวปไซค์, โทรศัพท์มือถือ
2. มีการใช้โปรแกรม JHCIS  ในการบันทึกข้อมูลการให้บริการงานต่างๆในสถานบริการ
3.มีการใช้ระบบLan    Internet  ในสถานบริการ
4.พัฒนาระบบ Network   เพื่อติดต่อสื่อสารผ่านระบบ VDO  Conference
5.พัฒนา โปรแกรม JHCIS  เพื่อให้สอดคล้องกับ  ๒1  แฟ้มของสปสช.
9.ระบบงานคุ้มครองผู้บริโภค
1.ออกสำรวจคุณภาพร้านค้าให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานร่วมกับเจ้าหน้าที่
2.ประสานผู้รับผิดชอบงานจาก สสอ.เพื่อขอน้ำยาตรวจสารปนเปื้อน
ในอาหารสด 4 ชนิด
10.การมีส่วนร่วมของชุมชน
1.จัดเวทีให้ความรู้การบริหารงานกองทุนหลักประกันสุขภาพตำบล และจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับอำเภอโดยมีหัวหน้าส่วนราชการทุกภาคส่วน  เช่นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  โรงเรียน  โรงพยาบาล   โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล  เข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้แสดงความคิดเห็น  การมีส่วนร่วมของชุมชนในการส่งเสริมสุขภาพ

6.2.2 การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น

            -   ท้องถิ่นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมโครงการ
  และท้องถิ่นได้ร่วมกันประชุมกันในหลายภาคส่วน  เล็งเห็นความสำคัญของแนวโน้ม/ความรุนแรงของ
           -ชุมชนเป็นเจ้าภาพในการดูแลสุขภาพ ขับเคลื่อนผ่านกลุ่มสัจจะสะสมทรัพย์เพื่อคุณธรรมวัดป่ายาง









[1] ปัญหาสุขภาพที่สำคัญ หมายถึง ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับภาวะสุขภาพที่มีผลกระทบรุนแรง หรือมีอัตราการเกิดปัญหาสูง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น